วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วัน "พ่อ" ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕

วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งสำหรับประเทศไทย นั่นคือ "วันพ่อ" ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ทั่วทั้งประเทศไทย (ก็ว่าได้) ต่างพร้อมใจ "จุดเทียนชัยเพื่อถวายพระพรในหลวงของเรา" และนัยหนึ่งก็ทำเพื่อ "บิดา" หรือ "พ่อ" ของเราเองด้วย

ที่ถือวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็ํนวันพ่อเนื่องจาก "ในหลวง" ของเราท่านประสูติวันนี้ และเป็นวันจันทร์ ดังนั้น...จึงได้ถือ "สีเหลือง" เป็นสัญญลักษณ์ของท่านด้วย

ครอบครัวเราก็ "ปฏิบัติ" ตามดังที่ทั่วประเทศทำด้วยเช่นกัน  สิ่งสำคัญอย่างนี้ในหลายประเทศทั่วโลก "ไม่มี" จงภูมิในไว้เถิดว่า วันที่ ๕ ธันวาคม ทุก ๆ ปีของเมืองไทยนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญเป็นยิ่งนัก

วันที่ ๕ ธันวาคม ถือว่า "เป็นธรรมเนียม" ปฏิบัติของคนไทยไปแล้วก็ว่าได้  คุณเอ๊ย....ความรู้สึกของวันนี้นั้น ....บอกกันลำบาก...ใช่ว่าจะบอกกันไม่ได้  ...แต่...ลึก ๆ ของความรู้สึกนั้น...ตื้ันตันใจ

ช่วงเย็น ๆ ของวันนี้ น้องนิ้งและน้องนนท์  จึงได้ปฏิบัติตามธรรมเนียม..โดย..เข้าไปกราบพ่อ และ มีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพ่อ

สิ่งที่เจ้าให้นั้น..เป็นกำลังใจที่ดีมาก  ถึงแม้เจ้าไม่ให้ก็ได้ไม่ต้้องแสวง เพียงแต่ "เป็นเด็กดีของพ่อและแม่และของสังคมและไม่ทำให้พ่อและแม่ต้องลำบากใจเท่านั้น" พ่อก็ดีใจแล้ว

ดังนั้น..จึงได้ "หอมแก้ม" ลูกทั้งสอง เนื่องจากลูกทั้งสองนั้นถือว่าไม่เคยทำให้ลำบากใจ และเป็นเด็กที่ไว้ใจได้ พูดไม่ต้องมาก และสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่สังคมยอมรับได้ดี

 จากนั้น...ลูกทั้งสองจึง "หอมแก้มพ่อ" บ้าง  เป็นอารมณ์ที่บรรยายให้ฟังยากจังเลย  ลูกทั้งสองก็ต้องทำหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน

เพราะว่า..คุณพ่อได้ฝึกไว้ตั้งแต่เด็ก ไม่เช่นนั้นเด็กจะหลงระเริงเพราะว่าช่วงของลูกทั้งสองคนนี้ได้ผ่านพ้นช่วงที่ลำบากไปแล้ว  ฉะนั้นคุณพ่อจึงต้องฝึกเขาไว้จะได้รู้ในความลำบากด้วย


         ............,,,,,,,,,,,,................,,,,,,,,,,,,,................
  เรียนผู้มีเกียรติที่ติดตามทุก ๆ ท่าน  "เนื่องจากพื้นที่นี้..เต็ม.." ดังนั้น กระผมจึงต้องใช้พื้นที่อันใหม่  ท่านสามารถติดตามชมต่อได้ที่


     http://gradingthong1.blogspot.com  


       โดยยังมีเรื่องราวที่ดี ๆ และน่าสนใจเช่นเคย

                 ขอบคุณมากครับ

          ...กระดิ่งทอง...

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

CSR ที่โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง จันทบุรี

กลุ่มเพื่อน ๆ ทั้งสี่เหล่าทัพของ "กลิ่นกระวาน..บ้านสวน" ร่วมกันทำ CSR ที่โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ม.7 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

CSR ย่อมาจาก Corporate Social Responsibility ความหมายก็คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่นั่นเอง เพื่อที่จะได้ไม่เสื่อมโทรมลงไปอีก หรือจะได้ดีขึ้นไม่ใช่แต่จะเข้ามาอยู่อาศัยหรือเอาเปรียบประการเดียว  ตอบแทนให้กับสิ่งรอบด้านบ้าง


ความคิดที่ "บรรเจิด" นั้น เกิดจากคุณสุชาติ ครับ เนื่องจากว่ากลุ่มของเราทั้งสี่ครอบครัวได้มาซื้อที่ดินในเขต..ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ไว้คนละประมาณ 5 ไร่


ดังนั้น..จึงได้เล็งเห็นว่าควรที่จะ "ผูกมิตร" หรือ "เชื่อมสัมพันธ์" กับชาวบ้านบริเวณที่ใกล้ชิดกับถิ่นที่เราได้เข้ามาซื้อที่ดินไว้ดีกว่า


เป็นความคิดที่ "สร้างสรรค์" มาก กลุ่มของเราจึงเห็นดีเห็นงามด้วย ความคิดนั้นเริ่มเมื่อซัก 2 ปี แล้วแหละ แต่..พึ่งจะเป็นรูปเป็นร่างก็เดือนพฤศจิกายน ปี 2555 นี่แหละท่าน

สี่ครอบครัวจึงระดมเงินครอบครัวละ ๑,๐๐๐ บาท เมื่อรวมแล้วจึงเท่ากับ ๔,๐๐๐ บาท คุณสุชาติ..อาสา..ออกแรงไปซื้อที่งาน "เครือสหพัฒน์" ซึ่งมีการจัดขายทุก ๆ ปีที่เขตชลบุรี 

สินค้าก็เป็นประเภทของดีมียี่ห้อ..เพียงแต่ "มีตำหนิ" แต่คนซื้อไม่รู้หรอกเพราะเข้าใจยาก ซึ่งต้องคัดกันให้ตรงแบบ "QC" ได้สินค้ามาเป็น "ลูกฟุตบอล" "ลูกบอลเล่ย์บอล" "ลูกบาสเก็ตบอล" แต่ละประเภทก็มีอีกหลายลูกด้วยกัน

สมาชิกที่ร่วมเดินทางไปนั้นก็มีไม่กี่ท่าน โดยมีรายชื่อดังนี้ 1.กระดิ่งทอง 2.คุณสุชาติ 3.คุณเสมอ 4.เสี่ยล้อ 5.คุณนิธิ 6.คุณทอม 

 เนื่องจากไปแบบไม่เป็นทางการนั่นเอง สืบเนื่องจากว่า..โทรศัพท์ของโรงเรียนนั้นสายขาด จึงไม่สามารถโทรติดต่อกันได้ 

เพราะ..คุณสุชาติ ได้พยายามโทรติดต่อโรงเรียนอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่สามารถโทรติดต่อได้ 

ดังนั้น...จึงไปไปกันแบบ "ดุ่ย ๆ" โดยไปวันธรรมดาคุณครูและนักเรียนจะได้อยู่ที่โรงเรียน วันที่เป็น "ฤกษ์งาม..ยามดี" ก็คือ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ครับท่าน


เหตุที่กลุ่มเราเลือกโรงเรียนแห่งนี้นั้น..เพราะอยู่ใกล้กับที่เราไง สะดวก และก็ยังเห็นเด็ก ๆ แบบไร้เดียงสาด้วย  

เมื่อเห็นนักเรียนแล้ว คล้ายกับเราอยู่บ้านนอกสมัยเด็ก ๆ เลย  จึงชอบใจ

โรงเรียนบ้านทุ่งมุ่วงตั้งอยู่ที่ห่างจากสวนของกลุ่มเราประมาณ 1.5 กม. ก็ถือได้ว่าไม่ไกลนัก  แม้แต่ป้ายชื่อโรงเรียนก็ยังเป็น "สีม่วง" เลย  แหล่มซะจริง

ครั้นไปถึง คุณครูท่านก็ให้เขียนบันทึกลงในสมุดว่า ...คณะใดมาบริจาคสิ่งของ...จะได้เก็บไว้เป็น "บันทึกความทรงจำ" และเป็นประวัติแก่บุคคลนั้น ๆ ด้วย  

จึงมอบหมายให้กับคุณสุชาติเป็นผู้ขีดเขียนลงสมุดไว้ ส่วนคุณเสมอก็พูดคุยกับครูไปเรื่อย ๆ ถามถึงว่า มีนักเรียนกี่คน, ครูมีกี่คน ,การเรียนการสอนเป็นอย่างไรบ้าง 

นักเรียนมีไม่มากนัก แต่ ครูก็มีไม่มากด้วย ถึือได้ว่าดูแลได้ทั่วถึงน่ะ 

วันที่มอบสิ่งของกันนั้น คุณครูก็ได้เกณฑ์นักเรียนมาต้อนรับกลุ่มของเรา (เพราะมีไม่กี่คน) ที่เห็นในภาพนั้นก็เกือบหมดโรงเรียนแล้วแหละ

คล้าย ๆ กับสมัยที่เราเป็นเด็ก เมื่อมีผู้ใหญ่มาบริจาคหรือมอบสิ่งของให้กับโรงเรียนเพื่อที่จะให้นักเรียนใช้ต่อไป นักเรียนก็จะ "ภูมิใจ" และ "ดีใจ" เป็นอย่างยิ่ง

สมัยผมอยู่ชั้นประถูมปีที่ 4,5,6 กระผมยังจำได้ว่า ช่วงกลางวันกระผมไปเบิกลูกฟุตบอลจากคุณครู ก็ได้ลูกฟุตบอลที่รั่วแล้ว (ลูกที่ชำรุดแล้วนั่นแหละ,ต้องทิ้งได้แล้ว แต่ คุณครูยังเก็บไว้ให้นักเรียนใช้งานไปเรื่อย ๆ เพราะมีลูกที่ดีไม่กี่ลูก และนักเรียนก็เล่นฟุตบอลเยอะด้วย)


จากภาพในความทรงจำแบบนี้ เมื่อเราโตและมีรายได้พอที่จะ "จุนเจือ" หรือ "ช่วยเหลือ" น้อง ๆ ได้ กลุ่มเราจึง "ไม่แล้งน้ำใจ" ปันความต้องการนี้ให้น้องใช้บ้าง 

ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากมายครับ เมื่อนักเรียนพร้อม เราก็ยกสิ่งของนำไปวางที่โต๊ะเลย และเราก็กล่าวมอบสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับคุณครูและนักเรียนสั้น ๆ แต่ได้ใจความ

มันเป็นความภูมิใจลึก ๆ ของกลุ่มเราที่ร่วมกันทำกิจกรรมครั้งนี้ สำหรับท่านสมาชิกที่ไปด้วย คือ "เสี่ยล้อ" นั้น หุ่นอย่างไรก็อย่างนี้   

แต่...ถ้ามีเรื่องทำบุญเข้ามาเกี่ยวข้อง พี่แกชอบที่จะไปร่วมกิจกรรมกับพวกเราเสมอ ๆ 

อย่างเช่นวันนี้ แต่งตัวแบบสบาย ๆ ไม่มีอะไรมาก หุ่นผอมบาง ดูแล้วไม่น่าจะต้านแรงลมได้มากมายครับ แต่ขอบอก...ใจหนักแน่นมาก  เป็นไงเป็นกัน ถึงไหนถึงกัน...สำหรับคนนี้

คนเรานั้น..อย่า..ดูที่ตัว ขอให้ดูกันที่ "จิตใจ" สิ่งที่ตาเห็นไม่ใช่อย่างที่คิด


เมื่อ..มอบสิ่งของให้เรียบร้อยแล้ว  เราถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกของทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง เพื่อที่จะจำได้ว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ได้มีกลุ่ม ๆ หนึ่งเข้าให้การสนับสนุนสิ่งของบางอย่าง

กลุ่มนั้นชื่อว่า "กลิ่นกระวาน..บ้านสวน" เข้ามาบริจาคสิ่งของให้กับน้อง ๆ โรงเรียนบ้านทุ่งม่วงแห่งนี้ โดยเป็นความเต็มใจของกลุ่มที่เข้าไปบริจาคสิ่งของครับ

โอกาสต่อไปถ้า "เหมาะสม" กลุ่ม ..กลิ่นกระวาน บ้านสวน  ก็จะแวะเวียนมามอบสิ่งของให้กับน้อง ๆ ณ.โรงเรียนแห่งนี้อีก เพราะว่าอยู่ใกล้เรามากที่สุด

..เรามาฟังน้อง ๆ กล่าวขอบคุณกลุ่มเรา  ฟังสิว่าน้อง ๆ เขาพูดอะไรบ้างครับ..




ก่อนจาก กระผม "กระดิ่งทอง" และ "คุณนิธิ" ขอถ่ายภาพคู่กับป้ายโรงเรียนด้านในหน่อย  จะได้เป็นภาพของความทรงจำว่า 

ในอดีตนั้น เราก็เคยเข้าไปมอบสิ่งของให้กับน้อง ๆ ณ.โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง 1 ครั้งแล้วนะ 

มันเป็น "ความทรงจำ" ที่ดีมาก ผู้ให้ก็ "ปราบปลื้ม" ผู้รับก็ "ซาบซิ้ง" สิ่งแบบนี้อธิบายกันไม่ได้ ..แต่..ก้นบึ้ง มัน "สุดขั้ว" ...ขอรับ

ผมก็ยัง "บันทึกภาพน้อง ๆ" อีกนิดหนึ่ง เห็นความน่ารัก ๆ ของเด็ก ก็นึกถึงสมัยตัวเองเช่นกัน อันที่จริง.. น้อง ๆ เหล่านี้ก็อายุอานามใกล้เคียงกับลูกของข้าพเจ้านั่นแหละ  

น้อง ๆ บางคนก็ "เขินอาย" ที่จะถ่ายภาพ แต่เราก็อยากได้ภาพที่เป็นธรรมชาติไว้ เมื่อน้อง ๆ เติบใหญ่เข้ามาค้นพบภาพตัวเองเมื่อวัยเด็ก คงจะดีใจไม่น้อยนะ

จำได้ว่า ตัวเองไม่เคยมีกางเกงในใส่จะถึง ป.5 พอขึ้น ป.6 น้าของกระผมจึงซื้อกางเกงในมาให้ใส่ ซึ่งที่ไม่มีใส่เพราะไม่รู้ว่าต้องใส่กางเกงในด้วย....แหม..ช่างโรแมนติกจัง

ต้องขอขอบคุณ "น้าหนู" ของกระผมมาก  และยังจำได้ว่า เมื่อไม่ได้ใส่กางเกงนะ ครั้นที่ต้องไป "ปัสสาวะ" หรือ "ฉี่" หรือ "เยี่ยว" นั่นแหละ 

เยื่ยวเพลิน ๆ แล้วรูดซิป แต่ "ปลายอวัยวะเพศ" ยังไม่ได้พ้นซิปกางเกง แต่รูดซิปเลย แล้วซิป "หนีบปลายอวัยวะเพศ" ....น้ำตาเล็ด..ครับพี่น้อง  

ยังต้องถอยซิปคืนด้วยนี่สิ...โอ๊ย....ย  ซิปสมัยนั้นเป็นทองเหลืองเน๊าะ   เกินจะบรรยายครับ...

สำหรับน้องคนนี้ก็คงจะดีใจเป็นยิ่งนัก ที่มีกลุ่มเรามามอบสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนและนักเรียนให้ได้มีเครื่องกีฬาไว้ใช้  

เืนื่องจากคุณครูบอกว่า เครื่องกีฬาที่มีอยู่ก็ชำรุดไปเยอะแล้ว งบประมาณที่ให้มาก็มีน้อยเพราะนักเรียนน้อย 

จากที่เคยไปบริจาคมาหลายที่ คุณครูก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันคือ "งบประมาณได้มาน้อย"

ซึ่งรัฐบาลก็ตั้งกฏเกณฑ์ไว้เยี่ยงนี้อยู่แล้ว "นักเรียนน้อย..ก็ให้ทุนไปน้อย"  ขึ้นอยู่กับว่า ครูเองต้องบริหารเงินก้อนนั้นให้ดีละกัน ต้องรู้จักใช้ว่าอะไรสมควรอะไรไม่สมควร  และต้อง "ไม่เบียดบังงบประมาณ" นั้นด้วย


บริจาคสิ่งของเสร็จแล้ว กลุ่มเราก็นั่งพักและพูดคุยกันนิดหน่อย  ด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบของทุก ๆ คนที่มาร่วมทำกิจกรรมกันในวันนี้ 

ถึงแม้นาย "กระดิ่งทอง" เพิ่งจะออกกะดึกก็ไปช่วยเพื่ออยากเห็นกับตาตนเอง และตอนเย็นต้องกลับมาทำงานกะดึกอีก กระผมก็ "ภูมิใจมาก" และพอใจเป็นอย่างยิ่ง



หลังจากนั้นกลุ่มเราจึงเดินทางกลับระยอง  ในช่วงบ่ายโมง  ใช้เวลาเดินทางกันประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 163 กม. 

โดยปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง  ที่นานเนื่องจากว่า "รถยนต์เยอะมาก" รวมทั้งรถที่บรรทุกผลไม้ก็เยอะ  อีกแรงหนึ่งก็ได้การหนุนรถคันแรกจากรัฐบาลด้วย

...ด้านล่างนี้ชภาพที่เกิดขึ้นสำหรับวันนั้น...










  
                   (ขอให้โชคดีทุก ๆ ท่าน..นะจ๊ะ)