วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Red bull in Thailand (Rachadumneon BKK.)

"กระทิงแดง" ผลิตภัณฑ์ของคนไทย

เมืองไทยเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันที่ "สุดยอด" ทั้งหลายแหล่

โดยเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" จนการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ซึ่งที่เป็นแนว "สุดยอด" หรือ Extream ทั้งหลายแหล่

ถ้ากล่าวคำว่า Red Bull กีฬาชนิดนั้นจะเป็นสำหรับคนที่สุดยอดเท่านั้นก็ว่าได้ ......

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553 คนไทยที่ชื่นชอบความเร็ว ซึ่งหมายถึงการแข่งขันความเร็วประเภท "รถสูตร1" ก็ได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงกันที่ใจกลางเมืองไทย ณ. ถนนราชดำเนิน

ซึ่งเจ้าของแชมป์โลกคือ "ซินบัสเตียน เวสเทล" ก็จะได้มาขับให้คนไทยได้ชมเป็นขวัญตาด้วยตัวเขาเอง """

งานนี้พอวันจริง คนที่ขับให้ชมคือ "มาร์ค เวบเบอร์" คนเดียวครับ ซึ่งคนนี้ก็ได้อันดับ 3 ของการแข่งขันรถสูตรหนึ่งของปี 2010 ซึ่งถือได้ว่า ทีม "เรดบลู เรสซิ่ง" ปีนี้เป็นปีที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากครับ เพราะได้ทั้งแชมป์โลกและอันดับ 3 ในเวลาเดียวกัน ก็ยังได้คะแนนประเภทผู้ผลิตอันดับหนึ่งอีกด้วย

 ......สุดยอด......มากเลย งานนี้ชื่อ "ประเทศไทย" ขึ้นไปติดอันดับโลกดังหมายครับ

ประวัติของเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" คือ เป็นสินค้าไทย ๆ โดยแท้

แต่คนไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันเท่าไร เพราะเหมือนกับว่า "บรรจุภัณฑ์" ทำไม่สวยงาม และภาพลักษณ์ก็ไม่ต่างจาก เครื่องดื่ม "ลิโพวิตันดี" หรือ M-100 ,M-150

และก่อนนั้นเครื่องดื่มกระทิงแดงเองก็ไม่ได้ที่จะโฆษณาซักเท่าไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อนักธุรกิจคนหนึ่งเข้ามาเมืองไทย

และได้ดื่มเครื่องดื่มกระทิงแดงแล้วรู้สึกประทับใจในรสชาด ส่วนราคาขายนั้นก็ถูกตั้งราคาโดยสภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่แล้ว

นักธุรกิจคนนั้นก็เกิดแนวความคิดที่จะนำผลิตภัณฑ์กระทิงแดง หรือชื่ออังกฤษก็คือ Red Bull นั่นแหละ นำไปเสนอกับบริษัทกระทิงแดงจำกัดโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน

นั่นคือ จะนำสินค้ากระทิงแดงไปขายยังต่างประเทศ โดยจะปรับปรุงลักษณะบรรจุภัณฑ์และการตลาดจะแยกกันกับเมืองไทย

กล่าวคือสินค้าที่จำหน่ายในเมืองไทยก็จะขายเฉพาะในเมืองไทย ส่วนสินค้า "กระทิงแดง" ที่จำหน่ายต่างประเทศซึ่งผลิตในประเทศ "ออสเตรีย" ก็จะไม่นำมาขายในเมืองไทย


เพื่อเป็นการแยกตลาดแต่ใช้ชื่อเดียวกัน หรือจะไม่ขายคู่กันเพื่อเป็นการแยกชั้นของสินค้า ซึ่งรสชาดของกระทิงแดงนั้นจะเป็นที่ "ถูกปาก" ของคนต่างชาติมากจึงทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดสมความตั้งใจ

เราเองจะมองด้วยตาแล้วจะแยกออกว่า "บรรจุภัณฑ์" ของกระทิงแดงที่ขายในเมืองไทยก็ยังใส่ขวดอยู่ ส่วนต่างประเทศจะเป็นแบบกระป๋อง หรือ "แคน"

แต่..ปัจจุบันแบบบรรจุในกระป๋องก็มีวางจำหน่ายในเมืองไทยแล้ว

จะทำให้แยกชั้นกันได้ว่า ถ้าดื่มแบบกระป๋องจะ "สุดยอด" กว่า และราคาก็จะสูงกว่าด้วย

เหตุผลก็มาจาก การวางแผนทางการตลาดนั่นเอง และเครื่องดื่มกระทิงแดงดังกระฉูดมากเมื่อเข้าไปสนับสนุนด้าน "กีฬา" ต่าง ๆ ทุกชนิด

โดยกีฬาต่าง ๆ ที่เครื่องดื่มกระทิงแดงสนับสนุนนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของประชากรโลกอยู่แล้ว เมื่อกีฬาต่างๆ ได้แชมป์ก็จะมีตรา "กระทิงแดง" ติดไปกับแชมป์นั้นด้วย

เพราะนักกีฬาใส่เสื้อผ้าที่มีตรากระทิงแดงอยู่ ระยะเวลาผ่านไปก็สะสมชื่อเสียงไปด้วย จนปัจจุบันคนทั่วไปที่แค่ใส่เสื้อกระทิงแดงก็จะถือได้ว่าบุคคลนั้น "สุดยอด" หรือ Extream เหมือนกับกีฬานั้นจริง ๆ

เป็นความสำเร็จที่สามารถ "ผลัก" ชื่อ "กระทิงแดง" ขึ้นไปในระดับโลกได้สำเร็จและก็สามารถผลักชื่อ "ประเทศไทย" ขึ้นไปให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศนี้อีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่สนับสนุนกีฬาในระดับโลกคล้าย ๆ กันก็คือเครื่องดื่ม "เบียร์สิงห์" เครื่องดื่มนี้สนับสนุนการแข่งขันกีฬา "เรือสูตร1" 

อีกด้านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้มากนัก...นอกจากการสนับสนุนการแข่งขันทางด้านต่าง ๆ ในโลกนี้ "กระทิงแดง" ยังบริจาคให้กับ "วัด" ต่าง ๆ ในประเทศไทยแบบมหาศาลไม่เว้นแต่วัดที่อยู่ในป่าหรือวัดที่ "ปฏิบัติ" จริง ๆ แต่ทาง "กระทิงแดง" เองไม่ได้นำไปโฆษณาหาชือเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ผู้คนจะรู้จักเองครับ


นี่คือหน้าตาที่แท้จริงของ "ซินบัสเตียน เวสเทล" ผู้ซึ่งเป็นแชมป์โลกประเภทรถยนต์สูตร1ของโลกปี2010และเป็นแชมป์โลกรถสูตร1ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก

นั่นคือมีอายุเพียง22ปีเท่านั้น และ ซินบัสเตียน เวสเทล นั้นเป็นชาว "เยอรมัน" ซึ่งเป็นคนชาติเดียวกันกับ "ไมเคิล ชูมัคเกอร์"

โดย "ไมเคิล ชูมัคเกอร์" นั้นเป็นแชมป์โลกรถ F1 ถึง7สมัยด้วยกัน ที่สำคัญหาตัวจับยากมาก

รถที่ใช้ขับในการแข่งขันนั้นใช้เครื่องยนต์ของ "เรโนลย์" ขนาด ๒๕๐๐ ซีซี 600 แรงม้า ที่ 18,000 รอบต่อนาที ความเร็วในการแข่งขันประมาณ 320 กม./ชม. 

ความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้ประมาณ 400 กม./ชม. แต่สำหรับความเร็วสูงสุดที่ 400 กม./ชม. นั้นจะไม่นำมาวิ่งแข่งขันในสนามแบบนี้ด้วยหลายเหตุผล รถทุกคันที่แข่งขันในสนาม สามารถทำความเร็วแบบนี้ได้หมดครับ

การขับรถของ "มาร์ค เว็บเบอร์" ในครั้งนี้ก็เป็นการเฉลิมฉลองให้กับ "ในหลวง" ของเราด้วยครับ 

ก่อนหน้านั้น "ในหลวง" ของเราก็ได้ทรงทอดพระเนตรรถสูตร1 ที่ "มาร์ค เว็บเบอร์" ขับถวายท่าน 

แหละ "มาร์ค เวบเบอร์" ยังได้อธิบายถึงรายละเอียดต่าง ๆ ให้พระองค์ท่านเข้าใจอย่างใกล้ชิดด้วย  

นอกจากนั้น เจ้าของบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ก็ได้เข้าเฝ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท "ในหลวง" ของเราด้วย ทั้งนี้ก็นับป็น "เกียรติยศ" และ "ศักดิ์ศรี" แก่วงษ์ตระกูล "อยู่วิทยา" เป็นยิ่งนัก ....ครับท่าน....

   ....ภาพด้านล่าง..เป็นเส้นทางที่ใช้ขับขี่ในวันเกิดเหตุ  ครับ....








ประกาศ "โฆษณา" การโชว์ขับรถสูตร1ที่ถนนราชดำเนิน18ธันวาคม2553


ซินบัสเตียน เวสเทล นักขับรถแชมป์โลกปี 2010ขณะขับโชว์ที่เยอรมัน


ซินบัสเตียน เวสเทล นักขับรถแชมป์โลกปี 2010ขณะขับโชว์ที่ลานน้ำแข็ง


มาร์ค เว็บเบอร์ นักขับรถสูตร1ขณะเข้าเฝ้า "ในหลวง" ครับ


วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชม "ไฟประดับ" วันพ่อ ที่ กทม.

เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2553 ได้มีโอกาสไปชม "ไฟประดับ" เนื่องในวันวโรกาส "วันพ่อ" ของเรา

 ซึ่งทาง กทม.ได้จัดประดับไฟเพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมและร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดของ "ในหลวง" เรา

ฉะนั้น กระผมเองจึงได้มีโอกาสไป "ชื่นชม" ความประยิ่งใหญ่นั้นด้วย ซึ่งก็จัดหลายที่

มีทั้ง ถนนราชดำเนิน สนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และที่ สะพานพระราม 3

ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา "ในหลวง" ของเราก็เพิ่งไปเป็นประธานในพิธีเปิดสะพานอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะพานนั้นชื่อ "สะพานภูมิพล๑" และ "สะพานภูมิพล๒"  

คืนวันที่ 5 ธันวาคม 2553 ได้มีการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่อย่างตระการตาตั้งแต่เย็นวันที่ 5 ธันวาคม 2553 เลย ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจของปวงชนชาวไทยยิ่งนัก

ท้ายสุด ผมมีเพลงที่ฟังแล้ว "ประทับใจมาก" จึงได้นำเสนอมาเพื่อให้ได้ฟังกันครับ

(กระผมต้อง "ขอโทษ" เจ้าของบทความ บทเพลง ที่ได้ทำไว้ ผมต้องการเผยแพร่ให้ท่าน และเผยแพร่ความประทับใจนี้ออกไปเยอะ ๆ

ท่านและกระผมเองก็ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่อยู่ใต้ "ฝ่าละอองธุลีพระบาท" กระผมก็รักท่านเช่นกันครับ กระผม ไม่เคยคิด "ทรยศ" ประเทศไทยเลยไม่ว่าทางใดๆ และเคารพในศักดิ์ศรีคนไทยเสมอ 


 กระผมอธิฐานนานแล้วครับ ถ้าสิ่งศักดิสิทธิ์มีจริง กระผมไม่ทราบว่ากระผมเองมีอายุทั้งหมดเท่าไร หนึ่งในนั้นกระผมขอ "อุทิศ" ให้แด่พระองค์ท่าน 10 ปี

และขอให้พระองค์ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยากให้พระองค์ท่านอยู่เป็น "ร่มโพธิ์ ร่มไทร"

เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยยิ่งยืนนานครับ... ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ )


                                     ไฟและน้ำพุประดับ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
 
                          การแสดง "พลุ" ที่หลากหลาย และก็ต่างความหมายกันออกไป


                                                     การยิงพลุที่หลากสี


                                    ไฟประดับที่ถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร


                                             แสง , สี, ของพลุหลากหลายสี


                                              แสงพลุที่สวยงาม


                                            การปล่อย "โคมลอย" ประดับประดา



สำหรับการชมไฟประดับของปี 2554  ติดตามได้ตามนี้ครับ

แหละ...สำหรับการชมไฟประดับของปี 2556 ติดตามได้ตามนี้เลย
http://gradingthong1.blogspot.com/2013/01/blog-post.html

ชมภาพเคลื่อนไหวที่ประทับใจครับ