วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

น้องนิ้ง "รำ" ประกวดที่จังหวัด อยุธยา

ด.ญ.พนิตสุภา อยู่เย็น(น้องนิ้ง)เรียนอยู่ที่ โรงเรียนวัดมาบข่า ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง






ขณะนี้ (๒๕๕๔) "น้องนิ้ง" ศึกษาอยู่ชั้น ป.๖ และชอบการ "ร่ายรำ" เป็นอย่างมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นการอนุรักษ์-รักษาสืบทอดวัฒนธรรมไทยของเราสู่รุ่นลูก-หลานของเราได้

แหละน้องนิ้งยังมีเพื่อน ๆ ชั้น ป.๖ ที่ชอบการร่ายรำนี้จำนวนทั้งหมด ๑๑ คน ดังนั้นเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วจึงมีนักเรียนที่ "ร่ายรำ" ได้สวยงามพร้อมที่จะประกวดนั้นมีทั้งหมด ๑๒ คน

ครั้งนี้ "นักรำ" ทั้งหมดนั้นก็เข้าไปประกวดระดับภาคด้วยความเต็มใจ และไม่ขวยเขินใด ๆ

พร้อมกันนั้นยังมี "คุณครู" ผู้รักในศิลปะด้านนี้ทั้งสองท่านคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่า "ซ้อมหนัก" กันมาก กว่าจะได้มาถึงขั้นนี้



เรื่องราวมีอยู่ว่า

"น้องนิ้ง" ไปประกวด "รำ" ที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นการประกวดระดับภาคกลางและภาคตะวันออก ถือได้ว่าเป็น "งานใหญ่" เลยทีเดียว

 สำหรับการรำของน้องนิ้งและเพื่อน ๆ เองนั้นอาจจะเป็นการเดินทางไปไกลมาก ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้สำหรับการ "ร่ายรำ"

ก่อนที่จะได้ไปประกวดนั้นก็ต้อง "ลงทุน-ลงแรง" เยอะมากเลยครับ ทุกสิ่งไม่ได้มาแบบเปล่า ๆ


ดังสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า "ไม่มีของฟรีในโลก" เพียงแต่ว่าเราจะเสียมาก-น้อยเพียงไร






การประกวดเป็นของปี ๒๕๕๓ นักเรียนที่รำนั้นมีด้วยกันทั้งหมด ๑๒ คน ซึ่งได้ไปประกวด เมื่อวันที่ ๒๗-๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓


โดยมี "คุณครู" ที่สอน ๒ ท่าน ซึ่งเป็น "ครูแฝด" (หญิง) ครับ

ซึ่งท่านจบทางด้าน "นาฏศิลป์" โดยตรงเลย และท่านได้ติดตาม และเป็นผู้ฝึกสอนแบบตามติดทุกฝึก้าวกับนักเรียนเหล่านี้แบบ "ขมักเขม่น" เต็มที่ครับ



 "น้องนิ้ง" กำลังปรึกษากับคุณครู






  













ดังนั้น...ผลงานจึงออกมาดี การฝึกซ้อมนั้นก็เริ่มตั้งแต่ หลังเลิกเรียนจนถึง ๕ โมงเย็นทุกวันที่เรียนปกติ

และวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปฝึกซ้อมกันอีกตั้งแต่ สิบโมงช้าจนถึงสี่โมงเย็น








ท่าทางที่ประกอบการ "รำ"














สุดท้ายแล้วความเหน็ดเหนื่อยนั้นก็ "หายปลิดทิ้ง" เมื่อความพยายามของ ทุก ๆ คนได้มาซึ่ง "แชมป์" ประจำภาคกลางและภาคตะวันออก

























 พร้อมกับได้รับหนังสือรับรองจาก "กระทรวงศึกษาธิการ" เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ.....ขอรับ.....






คุณครูกำลังแต่งหน้าให้กับนักรำอย่างสวยสดงดงามเต็มความสามารถ

































































สุดยอดแล้วนักเรียน ครูก็หมดเท่านี้เช่นกัน (ว่า....งั้น)









































































































































































































































ภาพขณะเมื่อ "ซ้อมรำ" ก่อนขึ้นประกวดจริงหลายเดือน




















นี่ก็อีกภาพหนึ่งขณะซ้อมรำ
















เพื่อนสมาชิก "รำ" วันเด็กปี ๒๕๕๔ ที่โรงเรียนวัดมาบข่า





























































คณาจารย์ผู้ติดตามและผู้ปกครอง











ภาพด้านล่างคือ ท่านอาจารย์ผู้ควบคุมการฝึกสอน "รำ" ที่เข้มข้น จนประสบความสำเร็จคว้า "แชมป์" มาครอง
























และสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนวัดมาบข่า และสร้างความภาคภูมิในให้กับ "คุณครู" ทั้งสองท่านเป็นอย่างยิ่ง

                 ....ภาพประกอบบางส่วนขณะไปพักผ่อนและถ่ายรูปกัน....



















ภาพด้านล่างเป็นการบันทึกขณะรำประกวดที่จังหวัดอยุธยา เมื่อ ๒๗-๒๙ ธันวาคม ปี๒๕๕๓




        นี่คือประวัติของหลาย ๆ คนเลยนะ  ....จดจำมันไว้...

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

ดูไฟเฉลิมฉลองปีใหม่ 2554ที่ กทม.

เมื่อคืนวันที่ 1 มกราคม 2554 ครอบครัว "กระดิ่งทอง" ได้มีโอกาสไปชม "แสง" "สี" ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งการประดับไฟนี้เป็นการประดับไฟเนื่องในวัน "ขึ้นปีใหม่ 2554"

เหตุผล..ของการไปชมเพื่อเป็นขวัญตาและความประทับใจพร้อมกับ "ถ่ายภาพ" เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ยามใดที่ "คิดถึงวันวาน" ก็สามารถที่จะย้อนกลับมาดูภาพที่ได้ไปท่องเที่ยวงานนั้นได้

เมื่อได้ไปชมแล้วยังสถานที่จริง ภาพของ "แสงไฟ" ที่ได้จัดแสดงไว้เหล่านั้น ปรากฏว่า.... ยิ่งใหญ่มาก.......


สถานที่ที่ได้ไปดูนั้น ก็เช่น ถนนราชดำเนิน สนามหลวง และ สยามสแคว

ตามที่ได้ยินได้ฟังจากสื่อ เท่าที่ทราบใจใช้ดวงไปหลายแสนดวงมาก แน่นอนว่า...ยิ่งมากก็จะยิ่ง "ตระการตา"

กล่าวได้ว่า ประเทศไทยประดับประดา แสง สี ได้สวยมากครับ ถือได้ว่า "ไม่แพ้" การแสดง แสง สี ของประเทศใด ๆ ในโลกเลย

เพียงแต่เราไม่ได้ร่วมกันจัดหรือประดับประดาแบบรวมกันเท่านั้น หรือ ต่างคนต่างติดไฟเมื่อดูโดยรวมแล้วก็สวยไปเองน่ะ

ผมกำลังคิดในแง่ที่ว่า "ฮ่องกง" จัดแสดง "แสง สีสียง" แบบรวมกันก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาชมเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศของเขาได้

หมายถึงว่า "เงิน" มหาศาลที่ไหลเข้าประเทศของเขาเอง แต่ ....ไทยเรา..... ทำแบบเงียบ ๆ เท่านั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเดินเที่ยวเองจึงได้พบกับตัวเอง

เราไม่ได้ "ป่าวประกาศ" ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้หรือกระตุ้นเขาเลย ตรงนี้แหละที่เรา "สูญเสีย" รายได้ไปไม่น้อยเลยนะคุณ

สิ่งที่สำคัญ ๆ การแสดง "แสง" และ "สี" เหล่านี้มันเป็นการสิ้นเปลืองแน่แหละ

แต่เป็นการ "เฉลิมฉลอง" ที่ยิ่งใหญ่เป็นหลัก ดังนั้น..คนที่จะ "ฉวยโอกาส" ทำอะไร ๆ ที่ให้คนได้รู้จักเพิ่มขึ้นจะดีไม่น้อย และยังจะ "โกยเงิน" ได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกนัยหนึ่ง



ภาพแห่งความ "ประทับใจ" ของการเที่ยวชมการประดับไฟ

ภาพถ่ายภาพด้านขวามือนั้น เป็นบริเวณสะพานเขตพระราชวัง

ซึ่งจุดนี้ได้ "ประดับประดาไฟ" ไว้เป็นจำนวนมาก จุดที่จะบันทึกภาพมีเยอะ แต่ว่า....จอดรถไม่ค่อยได้

เนื่องจาก  ใคร ๆก็อยากที่จะจอดรถเพื่อถ่ายภาพ จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกที่จะจอดรถเพื่อถ่ายภาพซักเท่าไร

ที่จอดได้นั้นก็จอดข้างถนนซึ่งเรียงกันยาวมาก เมื่อจอดรถแล้วต้องเดินมาไกลหน่อย


 
ภาพนี้อีกภาพหนึ่ง (ด้านซ้ายมือ) เป็นบริเวณหน้าศูนย์การค้า ห้างร้านต่าง ๆ ก็ประดับไฟไว้สวยงามมาก 

ทำให้บริเวณโดยรอบมีแสงไว้ที่ส่องสว่างเข้าหากันเป็นที่สนใจมาก

อากาศที่เย็นในยามค่ำคืนทำให้เพลิดเพลินกับการชมแสง สี เป็นยิ่งนั




ถ่ายภาพบริเวณถนนราชดำเนิน (ภาพด้านขวามือ)

ถนนแห่งนี้มีประวัติเกี่ยวกับคนในชาติที่ถือว่ามีประวัติที่ "ยาวนาน" อีกแห่งหนึ่ง มีทั้งเรื่อง "ดี" และ "ไม่ดี" 

แต่ว่า...วันนี้เรามา "ชมไฟประดับ"  จึงกลายเป็นเรื่องที่ดีไป สิ่งที่ไม่ดีกระผมเองไม่อยากจดจำ ถ้าคิดถึงมันอาจทำให้เป็นความ "ขมขื่น"


อะไร ๆ ที่ไม่ดีและทำให้ "กระทบ..กระเทือน" ต่อคนส่วนรวมทางที่ดี "อย่า"...รื้อฟื้น มันจะเป็นการดีที่สุด  คนที่มี "สามัญสำนึก" ที่ดีแหละ "รับผิดชอบ" เขาจะไม่ทำกัน




น้องนนท์ "แอ๊คชั่น" ท่า "พญาครุฑ" กับการถ่ายภาพที่ไปชมไฟของค่ำคืนนั้น

ด้วยกล้อง "คอมแพก" ของ "โซนี่" ที่บันทึกภาพได้ง่ายและเก็บรายละเอียดของภาพได้ชัดมาก

ผมว่ากล้องคอมแพก "สะดวก" กว่ากล้องใหญ่ที่มีรายละเอียดมากกว่า แต่การถ่ายภาพไม่สะดวกเท่าไร เพราะ "หนัก" กับสัมภาระที่ต้องแบกไป

การท่องเที่ยวที่ต้องเดินไปเรื่อย ๆ กล้องแบกคอมแพกทำให้ไม่ล้ากับการเดินไปถ่ายภาพไป

ที่กล่าวอย่างนี้เพราะตัวประสบมาด้วยตัวเอง  จึงเล่าให้ฟังบ้างเล็กน้อยเท่านั้น


ภาพของ "อ้อยใจ" ที่บันทึกไว้เมื่อค่ำคืนที่ไปชมไฟประดับของวันปีใหม่ 2554

วันที่ค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงไฟ  จิตใจของคนที่ไปชมก็ "เบิกบาน" ไปด้วย

"รถรา" ที่ไม่ควักไขว่เหมือนตอนกลางวันทำให้มลพิษไม่ค่อยมากนักบนท้องถนน

แม้เวลาจะใกล้เที่ยวคืนแล้ว แต่ในใจบอกว่า "ยังหัวค่ำ" อยู่เลย

เนื่องจาก...ความเพลิดเพลินที่มีตลอดทางมันทำให้เวลาของเราแทบ "หยุด" วันเวลาได้เลย



สามแม่ลูกบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึก

 ยิ่งดึกอากาศยิ่งเย็น  แต่ความ "หรรษา" ของเรายิ่งทวีมากขึ้น เราไม่ค่อยได้เข้ามาชม "แสง" และ "สี" ที่จัดสรรขึ้นบ่อยนัก 

ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของเราก็ว่าได้ที่ชมการประดับไฟที่มีเป็นจำนวนมาก

หากจะนับรวมการจัดแสดงไฟที่เล็ก ๆ นั้นเราคงไปดูมาหลากหลายที่แล้วแหละ

 เพียงแต่การจัดประดับไปแบบยิ่งใหญ่มโหฬารเช่นครั้งนี้เรายังไม่เคยมาดูด้วยตาของเราเอง 

จึงทำให้การชมไฟประดับของค่ำคืนนี้ของเรา "ตื่นเต้น" เป็นอย่างมาก


เล่าถึงว่า...การประดับไฟตามต้นไม้หรือริมแม่น้ำนั้น มีการทำกิจกรรมแบบนี้มานานแล้ว เพียงแต่บางแห่งก็โฆษณาบ้าง ไม่โฆษณาบ้าง

ส่วนที่ใดมีผลประโยชน์ด้านการเงินโดยตรงก็จะโฆษณาแบบยิ่งใหญ่ให้เห็นแบบบ่อยครั้ง

อีกสถานที่หนึ่งที่เป็นการจัดแสดง "แสง" "สี" และ "เสียง" ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยก็คือ จังหวัดกาญจนบุรี

โดยจะจัดที่ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" โดยจะย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่รถไฟของญี่ปุ่นถูกถล่มด้วยระเบิดจากเครื่องบินตอนสงครามโลกครั้งที่สอง

ซึ่งจะมีการจัดงานแบบนี้ทุก ๆ ปีประมาณช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน






ต้นไม้ที่ประดับประดาไปด้วยไฟนับหมื่นดวง ทำให้คนที่พบเห็นสามารถ "จินตนาการ" ได้หลาย ๆ อย่างกับสิ่งที่พบเห็น


อาจจะบอกว่า "ต้นไม้แก้ว" หรือ "ต้นไม้คริสตัล" สุดแต่จะนึกชื่อได้











ภาพแสงไฟที่ประดับกับต้นไม้ยามค่ำคืน มองเห็นคล้ายในเทพนิยายหลาย ๆ เรื่องที่ถูกเขียนและสร้างสรรค์กันมาให้อ่าน

แสงไฟที่อบอุ่นพร้อมอากาศที่เย็น ๆ เหมาะกับการเดินเที่ยวชมเป็นยิ่งนัก












ภาพนี้ "อ้อยใจ" คล้ายกับอยู่บนชั้น "เมฆวิมาร" บนสวรรค์ชั้นสูง จินตนาการที่หลั่งไหลไม่หยุดทำให้นึกไปต่าง ๆ นานา

ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องจ่ายแพงกับสิ่งที่เห็น















การประดับประดาแสงไฟ ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ช่างทำให้ผู้คนเข้ามา "ยล" อย่างพลุกพล่าน

คล้ายแมลงเม่าที่จะพร้อมบินเข้ากองไฟเห็น "แสง" และ "สี" ไม่ได้ต้องเข้าไปชม










ทั้งสามแม่ลูก....คงคิดว่า "คืนนี้มาเที่ยวสวรรค์" ซะล่ะมัง เป็นไปได้เพราะในภาพยนต์จักร ๆ วงศ์ ๆ ก็จัดบรรยากาศแบบนี้ให้เห็นเช่นกัน

ทำให้เราคิดว่า....สถานที่นี้เป็น "สวรรค์" ที่ "สัมผัส" ได้จริง ๆ

ภาพที่ปรากฏมันช่าง "งดงาม" เสียเหลือเกิน หรือว่า "สวรรค์" จริง ๆ กันน๊า






ภาพที่ครอบครัวเราบันทึกภาพได้ "ครบ" ทุก ๆ คน โดยนำกล้องไปวางไว้ที่ราวสะพานที่อยู่ด้านข้างนั่นเอง

บรรยากาศที่แจ่มใจ อากาศที่สบาย ๆ ทำให้ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสไม่เครียดกับสิ่งที่ได้พบเห็น


ผู้คนที่เดินชมแสงไฟใกล้ ๆ  กับเรานั้นดูใบหน้าที่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง




ภาพนี้คล้าย "ประตูสวรรค์" เสียยิ่งกะไร  มันมีมนต์ขลังอยู่ในตัว  ยิ่งดูยิ่งนึกถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งใดแห่งหนึ่ง

ผู้ที่คิดสร้างมันขึ้นมาผมว่าคงเป็นคนที่มีจินตนาการที่สูงส่งมาก










น่าจะเป็น "ต้นคริสมาสต์" ที่เขาจัดไว้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาต่อเนื่องกันจากวันคริสมาสต์มาถึงวันปีใหม่

ด้วยดวงไฟที่เยอะทำให้บริเวณหน้าห้างนั้นสว่างไสวจนไม่ต้องเปิดไฟดวงอื่น ๆ เลย











ผม "น้องนนท์" ครับ   ผมว่า...ผมคงอยู่บนสวรรค์แน่ ๆ ครับ แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์ชั้นไหน  วันนี้ผมมาเที่ยวและเห็นสิ่งนี้ก่อนเลย

มันช่างสวยงามมากเลย  ดูสบายตาและอบอุ่นใจด้วยครับ


แล้วท่านล่ะ....มาเที่ยวชมแล้วหรือยัง  เมืองไทยมีสิ่งที่ดี ๆ ให้ชมอีกมากมายนะครับ  ไม่ใช่มีเพียงต่างประเทศเท่านั้น...ครับ






สามแม่ลูก...ไม่พลาดที่จะบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานกับสิ่งที่ได้พบเห็น และประทับใจกับไฟประดับที่เขาจัดให้ชม

หลาย ๆ คนที่เข้ามาชมไฟประดับที่อยู่ข้างเคียงเรา พบว่า...ต่างมีความสุขเหมือนเราเช่นกัน 

เห็นบางคนนั้นพา "คู่รัก" เดินชมแบบ "กระหนุงกระหนิง" ผมเห็นแล้วก็อด "อิจฉา" ไม่ได้







 


เป็นภาพที่ประทับใจมากอีกภาพหนึ่งที่บันทึกอยู่หน้าเขตพระราชวัง  ในกรุงเทพมหานครของสามแม่ลูก  










ภาพที่น้องนิ้ง...บันทึกเก็บไว้เพื่อเป็นประวัติศาสตร์กับตัวเอง วันนี้ในอีกหลายปีข้างหน้าความทรงจำที่มีและเกิดขึ้นยังจำตรึงตราตรึงใจอยู่มิรู้ลืม

อดีต...กับสิ่งที่ย้อนไม่ได้ วันข้างหน้าจะกลับย้อนมาดูที่ภาพนี้ได้เหมือนยังอยู่ในเหตุการณ์














ภาพน้องนิ้งทำท่าประกอบล้อเลียน "ครุฑ" ที่อยู่ด้านข้างที่เรายืนอยู่

ฉะนั้น...น้องนิ้ง..จึงทำท่าล้อเลียนซะเลย  กระผมจึงถ่ายภาพให้













ริมทางที่ประดับไว้ด้วยไฟ ทำให้เกิดความสวยงามน่าชมและพินิจนัก

สิ่งที่ได้เห็น...คงจดจำไปอีกนานแสนนาน












ไฟราวพร้อมตัวอักษร...ที่ประดับไว้ข้างทางอีกแห่งหนึ่ง สวยงามจนอดไม่ได้ที่จะลงไปบันทึกไว้เป็นประวัติแก่ตัวเอง




บันทึกภาพไว้น้อยอาจจะมีเสีย ทำให้ต้องมีหลาย ๆ ภาพด้วยกัน แม้..จะมีท่าทางที่ไม่ต่างกันมากนัก












ทางเดินด้านล่าง...และทางเดินด้านบน แสงไฟที่สว่างไสวคล้ายเปิดไว้ "ล่อ" แมงดาอย่างเราให้ไปชื่นชม





ช่วงนี้ดึกมากแล้ว....น้องนิ้ง  ก็ชักจะง่วงนอนมากแล้วดิ


ทนอีกนิดนะจะกลับแล้วแหละ  ไม่นานหร๊อก...ก











ภาพป้ายไฟ..ต้อนรับปีใหม่ 2554







ค่ำคืนนั้นครอบครัว "กระดิ่งทอง" ได้ขับรถเพื่อ "ชื่นชม" แสง สี ในกรุงเทพมหานครเป็นเวลานาน (นี่แค่ขับรถชมนะ ...มีลงมาถ่ายภาพไม่กี่จุด)


 เราเข้าไปชมกันในช่วงกลางคืนจึงทำให้อากาศไม่ร้อน การจราจรก็มีเยอะบ้างเป็นบางจุดเพราะคนส่วนใหญ่ออกมานอกเมือง...

แต่...เราเข้าเมืองเพื่อไปชมการประดับไฟเฉลิมฉลองปีใหม่ มันช่าง "สวนทาง" กันเป็นยิ่งนัก

 



 
ต้นไม้ที่ประดับไฟไว้อย่างสวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กระผมนึกถึง "ต้นคริสมาสต์"

แต่วันนี้มีต้นไม้อื่น ๆ ที่ผสมเข้ามา ทำให้มัน "กลมกลืน" ไปในเวลาเดียวกัน 


ผู้คนที่เข้าไปชมไฟก็เนืองแน่นทั่วบริเวณที่มีการแสดงไฟประดับ เราขับรถชมไฟจนทั่วแล้วก็เดินทางกลับบ้าน

ขณะเดินทางกลับนั้นก็ดึกมากจึงทำให้ทุก ๆ คน "ง่วง" จึงทำให้ลูก ๆ ทั้งสองคือ "น้องนนท์และน้องนิ้ง" หลับมาจนถึงบ้าน

 แต่ในระหว่างเส้นทางที่เดินทางกลับนั้นจังหวัดต่าง ๆ ก็ประดับไฟได้สวยเช่นกันครับ

ภาพนี้ "น้องนนท์" ยิ้มระรื่นกับสิ่งที่ได้พบได้เห็น




ในแต่ละปี ประเทศไทยเรามีการจัดแสดง แสง สี เสียง หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็สำคัญต่างวันต่างเวลากันไป

ครอบครัวของ "กระดิ่งทอง" เองก็อาศัยช่วงเวลาแบบนี้แหละคุณที่เข้าไปเก็บเกี่ยวความสุขกัน ถึงแม้มันจะเป็นแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เราก็ "สุข" ครับ


หลาย ๆ ท่านก็คงตำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่อยากได้เหมือนกันคือ "ความสุข" ครับ

ความสุขนั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งทาง "ร่างกาย" หรือ "จิตใจ" ก็คือความสุขทั้งนั้น สำคัญเลย "ต้อง" ไม่เบียดเบียนใคร จะเป็นความสุขที่ดีมาก ๆ


สำหรับการท่องเที่ยวดูไฟประดับของปี 2553 เชิญดูได้ตามนี้ครับ
http://gradingthong.blogspot.com/search/label/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%22%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%22

แหละลิ้งท์สำหรับดูไฟประดับของปี 2556 ก็ตามนี้ได้เลยครับท่าน

***เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้แล***