วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Red bull in Thailand (Rachadumneon BKK.)

"กระทิงแดง" ผลิตภัณฑ์ของคนไทย

เมืองไทยเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันที่ "สุดยอด" ทั้งหลายแหล่

โดยเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" จนการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ซึ่งที่เป็นแนว "สุดยอด" หรือ Extream ทั้งหลายแหล่

ถ้ากล่าวคำว่า Red Bull กีฬาชนิดนั้นจะเป็นสำหรับคนที่สุดยอดเท่านั้นก็ว่าได้ ......

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553 คนไทยที่ชื่นชอบความเร็ว ซึ่งหมายถึงการแข่งขันความเร็วประเภท "รถสูตร1" ก็ได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงกันที่ใจกลางเมืองไทย ณ. ถนนราชดำเนิน

ซึ่งเจ้าของแชมป์โลกคือ "ซินบัสเตียน เวสเทล" ก็จะได้มาขับให้คนไทยได้ชมเป็นขวัญตาด้วยตัวเขาเอง """

งานนี้พอวันจริง คนที่ขับให้ชมคือ "มาร์ค เวบเบอร์" คนเดียวครับ ซึ่งคนนี้ก็ได้อันดับ 3 ของการแข่งขันรถสูตรหนึ่งของปี 2010 ซึ่งถือได้ว่า ทีม "เรดบลู เรสซิ่ง" ปีนี้เป็นปีที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากครับ เพราะได้ทั้งแชมป์โลกและอันดับ 3 ในเวลาเดียวกัน ก็ยังได้คะแนนประเภทผู้ผลิตอันดับหนึ่งอีกด้วย

 ......สุดยอด......มากเลย งานนี้ชื่อ "ประเทศไทย" ขึ้นไปติดอันดับโลกดังหมายครับ

ประวัติของเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" คือ เป็นสินค้าไทย ๆ โดยแท้

แต่คนไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันเท่าไร เพราะเหมือนกับว่า "บรรจุภัณฑ์" ทำไม่สวยงาม และภาพลักษณ์ก็ไม่ต่างจาก เครื่องดื่ม "ลิโพวิตันดี" หรือ M-100 ,M-150

และก่อนนั้นเครื่องดื่มกระทิงแดงเองก็ไม่ได้ที่จะโฆษณาซักเท่าไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อนักธุรกิจคนหนึ่งเข้ามาเมืองไทย

และได้ดื่มเครื่องดื่มกระทิงแดงแล้วรู้สึกประทับใจในรสชาด ส่วนราคาขายนั้นก็ถูกตั้งราคาโดยสภาพเศรษฐกิจในประเทศอยู่แล้ว

นักธุรกิจคนนั้นก็เกิดแนวความคิดที่จะนำผลิตภัณฑ์กระทิงแดง หรือชื่ออังกฤษก็คือ Red Bull นั่นแหละ นำไปเสนอกับบริษัทกระทิงแดงจำกัดโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน

นั่นคือ จะนำสินค้ากระทิงแดงไปขายยังต่างประเทศ โดยจะปรับปรุงลักษณะบรรจุภัณฑ์และการตลาดจะแยกกันกับเมืองไทย

กล่าวคือสินค้าที่จำหน่ายในเมืองไทยก็จะขายเฉพาะในเมืองไทย ส่วนสินค้า "กระทิงแดง" ที่จำหน่ายต่างประเทศซึ่งผลิตในประเทศ "ออสเตรีย" ก็จะไม่นำมาขายในเมืองไทย


เพื่อเป็นการแยกตลาดแต่ใช้ชื่อเดียวกัน หรือจะไม่ขายคู่กันเพื่อเป็นการแยกชั้นของสินค้า ซึ่งรสชาดของกระทิงแดงนั้นจะเป็นที่ "ถูกปาก" ของคนต่างชาติมากจึงทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดสมความตั้งใจ

เราเองจะมองด้วยตาแล้วจะแยกออกว่า "บรรจุภัณฑ์" ของกระทิงแดงที่ขายในเมืองไทยก็ยังใส่ขวดอยู่ ส่วนต่างประเทศจะเป็นแบบกระป๋อง หรือ "แคน"

แต่..ปัจจุบันแบบบรรจุในกระป๋องก็มีวางจำหน่ายในเมืองไทยแล้ว

จะทำให้แยกชั้นกันได้ว่า ถ้าดื่มแบบกระป๋องจะ "สุดยอด" กว่า และราคาก็จะสูงกว่าด้วย

เหตุผลก็มาจาก การวางแผนทางการตลาดนั่นเอง และเครื่องดื่มกระทิงแดงดังกระฉูดมากเมื่อเข้าไปสนับสนุนด้าน "กีฬา" ต่าง ๆ ทุกชนิด

โดยกีฬาต่าง ๆ ที่เครื่องดื่มกระทิงแดงสนับสนุนนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบของประชากรโลกอยู่แล้ว เมื่อกีฬาต่างๆ ได้แชมป์ก็จะมีตรา "กระทิงแดง" ติดไปกับแชมป์นั้นด้วย

เพราะนักกีฬาใส่เสื้อผ้าที่มีตรากระทิงแดงอยู่ ระยะเวลาผ่านไปก็สะสมชื่อเสียงไปด้วย จนปัจจุบันคนทั่วไปที่แค่ใส่เสื้อกระทิงแดงก็จะถือได้ว่าบุคคลนั้น "สุดยอด" หรือ Extream เหมือนกับกีฬานั้นจริง ๆ

เป็นความสำเร็จที่สามารถ "ผลัก" ชื่อ "กระทิงแดง" ขึ้นไปในระดับโลกได้สำเร็จและก็สามารถผลักชื่อ "ประเทศไทย" ขึ้นไปให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศนี้อีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่สนับสนุนกีฬาในระดับโลกคล้าย ๆ กันก็คือเครื่องดื่ม "เบียร์สิงห์" เครื่องดื่มนี้สนับสนุนการแข่งขันกีฬา "เรือสูตร1" 

อีกด้านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้มากนัก...นอกจากการสนับสนุนการแข่งขันทางด้านต่าง ๆ ในโลกนี้ "กระทิงแดง" ยังบริจาคให้กับ "วัด" ต่าง ๆ ในประเทศไทยแบบมหาศาลไม่เว้นแต่วัดที่อยู่ในป่าหรือวัดที่ "ปฏิบัติ" จริง ๆ แต่ทาง "กระทิงแดง" เองไม่ได้นำไปโฆษณาหาชือเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ผู้คนจะรู้จักเองครับ


นี่คือหน้าตาที่แท้จริงของ "ซินบัสเตียน เวสเทล" ผู้ซึ่งเป็นแชมป์โลกประเภทรถยนต์สูตร1ของโลกปี2010และเป็นแชมป์โลกรถสูตร1ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก

นั่นคือมีอายุเพียง22ปีเท่านั้น และ ซินบัสเตียน เวสเทล นั้นเป็นชาว "เยอรมัน" ซึ่งเป็นคนชาติเดียวกันกับ "ไมเคิล ชูมัคเกอร์"

โดย "ไมเคิล ชูมัคเกอร์" นั้นเป็นแชมป์โลกรถ F1 ถึง7สมัยด้วยกัน ที่สำคัญหาตัวจับยากมาก

รถที่ใช้ขับในการแข่งขันนั้นใช้เครื่องยนต์ของ "เรโนลย์" ขนาด ๒๕๐๐ ซีซี 600 แรงม้า ที่ 18,000 รอบต่อนาที ความเร็วในการแข่งขันประมาณ 320 กม./ชม. 

ความเร็วสูงสุดที่วิ่งได้ประมาณ 400 กม./ชม. แต่สำหรับความเร็วสูงสุดที่ 400 กม./ชม. นั้นจะไม่นำมาวิ่งแข่งขันในสนามแบบนี้ด้วยหลายเหตุผล รถทุกคันที่แข่งขันในสนาม สามารถทำความเร็วแบบนี้ได้หมดครับ

การขับรถของ "มาร์ค เว็บเบอร์" ในครั้งนี้ก็เป็นการเฉลิมฉลองให้กับ "ในหลวง" ของเราด้วยครับ 

ก่อนหน้านั้น "ในหลวง" ของเราก็ได้ทรงทอดพระเนตรรถสูตร1 ที่ "มาร์ค เว็บเบอร์" ขับถวายท่าน 

แหละ "มาร์ค เวบเบอร์" ยังได้อธิบายถึงรายละเอียดต่าง ๆ ให้พระองค์ท่านเข้าใจอย่างใกล้ชิดด้วย  

นอกจากนั้น เจ้าของบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ก็ได้เข้าเฝ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท "ในหลวง" ของเราด้วย ทั้งนี้ก็นับป็น "เกียรติยศ" และ "ศักดิ์ศรี" แก่วงษ์ตระกูล "อยู่วิทยา" เป็นยิ่งนัก ....ครับท่าน....

   ....ภาพด้านล่าง..เป็นเส้นทางที่ใช้ขับขี่ในวันเกิดเหตุ  ครับ....








ประกาศ "โฆษณา" การโชว์ขับรถสูตร1ที่ถนนราชดำเนิน18ธันวาคม2553


ซินบัสเตียน เวสเทล นักขับรถแชมป์โลกปี 2010ขณะขับโชว์ที่เยอรมัน


ซินบัสเตียน เวสเทล นักขับรถแชมป์โลกปี 2010ขณะขับโชว์ที่ลานน้ำแข็ง


มาร์ค เว็บเบอร์ นักขับรถสูตร1ขณะเข้าเฝ้า "ในหลวง" ครับ


วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ชม "ไฟประดับ" วันพ่อ ที่ กทม.

เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม 2553 ได้มีโอกาสไปชม "ไฟประดับ" เนื่องในวันวโรกาส "วันพ่อ" ของเรา

 ซึ่งทาง กทม.ได้จัดประดับไฟเพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมและร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดของ "ในหลวง" เรา

ฉะนั้น กระผมเองจึงได้มีโอกาสไป "ชื่นชม" ความประยิ่งใหญ่นั้นด้วย ซึ่งก็จัดหลายที่

มีทั้ง ถนนราชดำเนิน สนามหลวง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และที่ สะพานพระราม 3

ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา "ในหลวง" ของเราก็เพิ่งไปเป็นประธานในพิธีเปิดสะพานอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะพานนั้นชื่อ "สะพานภูมิพล๑" และ "สะพานภูมิพล๒"  

คืนวันที่ 5 ธันวาคม 2553 ได้มีการเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่อย่างตระการตาตั้งแต่เย็นวันที่ 5 ธันวาคม 2553 เลย ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจของปวงชนชาวไทยยิ่งนัก

ท้ายสุด ผมมีเพลงที่ฟังแล้ว "ประทับใจมาก" จึงได้นำเสนอมาเพื่อให้ได้ฟังกันครับ

(กระผมต้อง "ขอโทษ" เจ้าของบทความ บทเพลง ที่ได้ทำไว้ ผมต้องการเผยแพร่ให้ท่าน และเผยแพร่ความประทับใจนี้ออกไปเยอะ ๆ

ท่านและกระผมเองก็ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่อยู่ใต้ "ฝ่าละอองธุลีพระบาท" กระผมก็รักท่านเช่นกันครับ กระผม ไม่เคยคิด "ทรยศ" ประเทศไทยเลยไม่ว่าทางใดๆ และเคารพในศักดิ์ศรีคนไทยเสมอ 


 กระผมอธิฐานนานแล้วครับ ถ้าสิ่งศักดิสิทธิ์มีจริง กระผมไม่ทราบว่ากระผมเองมีอายุทั้งหมดเท่าไร หนึ่งในนั้นกระผมขอ "อุทิศ" ให้แด่พระองค์ท่าน 10 ปี

และขอให้พระองค์ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยากให้พระองค์ท่านอยู่เป็น "ร่มโพธิ์ ร่มไทร"

เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยยิ่งยืนนานครับ... ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ )


                                     ไฟและน้ำพุประดับ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
 
                          การแสดง "พลุ" ที่หลากหลาย และก็ต่างความหมายกันออกไป


                                                     การยิงพลุที่หลากสี


                                    ไฟประดับที่ถนนหนทางในกรุงเทพมหานคร


                                             แสง , สี, ของพลุหลากหลายสี


                                              แสงพลุที่สวยงาม


                                            การปล่อย "โคมลอย" ประดับประดา



สำหรับการชมไฟประดับของปี 2554  ติดตามได้ตามนี้ครับ

แหละ...สำหรับการชมไฟประดับของปี 2556 ติดตามได้ตามนี้เลย
http://gradingthong1.blogspot.com/2013/01/blog-post.html

ชมภาพเคลื่อนไหวที่ประทับใจครับ







วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทความดี ๆ ที่ประทับใจตอนเรียน

หลายคำกล่าว เมื่อได้ฟังแล้ว "ประทับใจ" ซึ่งได้ยินแล้วมี "คติ" และ "ข้อเตือนใจ" ให้กับเราหลายอย่าง ซึ่งนาน ๆ ไปอาจจะลืมกับคำเหล่านั้น จึงได้รวบรวมไว้เพื่อได้อ่านและระลึกถึงเพื่อ "หวนคิด" อีกครั้ง (หมายความว่านาย "กระดิ่งทอง" ยังไม่ลืม)

บางประโยคเมื่อได้อ่านแล้วก็ทำให้เกิด "กำลังใจ" บางประโยคอ่านแล้วทำให้ "หวนคิดถึงใครบางคน" ได้ บางประโยคอ่านแล้ว "คิดสิ่งใหม่ ๆ " ได้ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็แล้วแต่อ่านจุดไหนแล้วบุคคลนั้นคิดอะไรได้

หลายครั้งหลายครา ที่บางคำพูดของหลาย ๆ คน พูดออกมาแบบลอย ๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง แต่คนฟังกลับนำไป "คิด" และ "ปรับปรุง" อาจจะนำไปเป็น "กำลังใจ" ให้กับตัวเองก็มีอยู่มากมาย ซึ่งเป็นไปได้ที่คำเหล่านั้นอาจจะดีหรือไม่ดีปะปนกันไป แต่อย่างไรก็ขอให้นำแต่ประโยคที่ดีไปใช้นะ.....ขอรับ

แม้แต่ตัวกระผมเองเมื่อกลับมาอ่านประโยคที่เคยได้เขียนไว้แล้ว ก็คิดอะไรต่อมิอะไรได้ต่อเนื่องเยอะกว่าเดิมเสียอีก แปลกมั้ยว่า สมองของคนเรานั้นทำงานได้ทั้งดีและเร็วในบางครั้งที่เราคาดไม่ถึง ..ท่านลองอ่านดูครับ ...











ความ "ภูมิใจ" ของพี่-น้อง

ครอบครัวเรามาจาก "ความไม่มีอะไรเลย" ทุกข์ยาก ,ลำบาก , ทนทุกข์ มาด้วยกัน นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเรื่อย ๆ พยายามต่อสู้กับความ "ลำบาก" เพื่อไม่ให้สิ่งนั้นกลับมาหาเราอีก

อาจจะเป็นการ "หลีกหนี" ที่ไม่เดือดร้อนใคร

แม้นเมื่อหลายปีก่อนคำว่า "โรงรับจำนำ" เราเองไม่รู้จัก แต่ก็ได้มีโอกาสต้องใช้บริการ เงินในบ้านมีเหลือเพียง 20 บาท แต่ก็ไม่เคยคิด "ทรยศ" ใคร ทุก ๆ สิ่งที่เตรียมไว้คือ "การศึษา" เท่านั้นที่จะหนีสิ่งที่ลำบากได้

ดัง "บุคคล" คนนี้ที่พยายามให้ถึงที่สุดที่ไม่เบียดเบียนใคร ช่วงก่อนเศรษฐกิจตกต่ำปี 2540 ซึ่งเราไม่เคยประสพ ว่าเหตุการณ์ต่อไปจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น 

ผลเกิดจาก "ฟองสบู่แตก"ราไม่เคยรู้ว่าเศรษฐกิจเป็นเช่นไร
หลังจากนั้น คน ๆ นี้ ได้ออกไป "ขายลูกชิ้น" ยี่ห้อ "ศรีไทย" ด้วยรถพ่วงข้าง ขายตอนกลางคืน กลางวันก็เรียนตามปกติ เพื่อที่จะหา "รายได้" เข้ามาช่วยเหลือกับ "พ่อและแม่"  

งานปีใหม่ก็พยายามหารายได้โดยเข้าไปขายลูกชิ้นในงานปีใหม่ทุก ๆ ปีที่มีโอกาส จะกล่าวได้ว่ารายได้ทุกวิธีทางที่เป็นความบริสุทธิ์

ถึงแม้ว่าจะต้องเรียนหนังสืออยู่ชั้น ปวช. ก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับการเรียน อยากจะบอกว่าคน ๆ นี้ สอบได้อันดับ 1 ของห้องตั้งแต่
ชั้น ป.1 จนถึงระดับปริญญาตรี  

เพราะความขยันครับ ไม่มีเรื่อง "ฟลุ๊ค" หรือ "บังเอิญ" เข้ามาเกี่ยวข้องเลย เมื่อมาถึงบัดนี้ ความสำเร็จนั้นกำลังใกล้จะมาถึง ............






































นี่คือ "ทายาส" ที่สื่อถึงความรักที่ได้แสดงถึง "พยานรัก" ของทั้งสองคน "ฟูจิ และ อิคิว"


.....เมื่ออายุครบ 3 ขวบ.....04 July 2011



 .....เมื่ออายุครบ 4 ขวบ.....04 July 2012



......เปิดโรงเรียน ไปเีรียนวันแรก.....



........หัด "ขี่" จักรยาน.....ครั้งแรก.....

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รวม "คลิป" ฮา

อยากจะรวบรวม "คลิป" ฮาไว้ดูเล่นแบบชื่นใจ เนื่องจากว่า บางโอกาสต้องการที่จะพักผ่อนทางความคิดและต้องการ "สะลาย" ความเครียดจึงอยากหาอะไรดูที่มันสนุกและคลื้นเคลง 

บางกรณีเข้าไปดูแล้วอยากดูอีกแต่หาไม่เจอ จึงได้มีแนวคิดที่จะรวมรวมไว้ให้อยู่ด้วยกัน แล้วเมื่ออยากเข้ามาดูก็เข้าที่เดียวเลยจะง่ายกว่า 

บาง "คลิป" เมื่อได้ดูแล้ว "ขำ" ต่อมน้ำตาแตก บางคลิปก็ขำพอประมาณ บางคลิปก็เกิดแนวคิดว่า เขานึกคำพูดนี้ได้อย่างไร เพราะเราคิดไม่ถึงนั่นเอง

ฉะนั้น ทำให้หัวข้อนี้เป็นการรวมรวม "ภาพเคลื่อนไหว" ที่ดูแล้ว "สบายใจ" ในการดู ...นะคุณนะ...




















วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ภาพที่ดูแล้ว ....สบายใจ....ดี

ช่วงเวลาของ "คน" เรา มีทั้ง "ทุกข์" และ "สุข" ปะปนกันไป แต่เมื่อได้เห็นภาพบางภาพแล้ว ทำให้ "สบายใจ" ก็ทำให้เราหา "ความสุข" ได้โดยไม่ยาก

และไม่เสีย "สตางค์" เยอะด้วย ถึงแม้บางภาพจะเป็นความเจ็บปวดของคนอื่นแต่เราดูแล้ว "ขำ" ก็ไม่เป็นอะไรน่ะ ลองมาดูครับ มีอะไรบ้าง


เริ่มต้นเรามาดู "เด็กชาย" คนหนึ่งที่เข้าไป "กราบ" เท้าในหลวงของเราแบบใกล้ชิด ซึ่งภาพนี้เป็นภาพที่กระผมปราบปลื้มและประทับใจมากครับ

ถือได้ว่าเด็กชายคนนี้มีบุญ ถ้าจะคิดย้อนไป จะคิดอย่างนี้ครับ รู้ได้อย่างไรว่าควรเข้าไปกราบท่านใด ปัจจุบันเด็กชายคนนี้ก็เป็นวัยกลางคนแล้วครับ


ภาพต่อไปเป็นการช่วยเหลือ "เพื่อนร่วมโลก" ของเราเองครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียง "สัตว์" ตัวเล็กแต่ก็มีชีวิตจิตใจ มีความกล้า ความกลัว หนาว เย็น เช่นกันครับ


ซึ่งที่แห่งนี้เป็นคลองชลประทานที่ส่งน้ำไปให้กับชาวนาเพื่อทำนาให้ได้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี

มากกว่านั้นก็แต่กำลังกายที่จะทำได้ บ้างก็ทำได้ 3 ครั้งต่อปี และที่ทำได้มากกว่า 1 ครั้งต่อปีนั้นก็จะเรียกว่า "นาปรัง"


คลองแบบนี้ "ผู้เขียน" เองก็เคยลงเล่นครับ ยิ่งน้ำเต็มคลองก็จะสนุกสนานยิ่งนัก ซึ่งหลังเลิกเรียนหรือวันเสาร์วันอาทิตย์นี่ก็เล่นน้ำได้ ถ้าเป็นตอนเย็นแล้วด้วยนะ

เมื่อเล่นน้ำในคลองเสร็จก็ไม่ต้องอาบน้ำตอนเย็นแล้วครับ ถือว่า วันนี้ได้อาบน้ำแล้วเหลือแต่ "กินข้าวเย็น" แล้วก็ "นอน" เท่านั้น


สิ่งที่เด็กสองคนนี้ช่วยก็ช่วยด้วยใจจริงที่บริสุทธิ์ไม่ได้หวังผลตอบแทนใด ๆ ภายหลังทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้งหรือบางคน "อาจจะ" คิดว่า ทำไมปัจจุบันนี้มันช่างเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตมาก มีลับลมคมในเยอะจัง


ภาพต่อมาเป็นการ "เล่นสนุก" ตามประสาเด็ก ๆ บ้านนอกอย่างเรา ซึ่งก็หาเล่นได้ตามธรรมชาติทั่วไป ไม่มีเสียสตางค์ครับ

ยามว่างเราก็จะเล่นด้วยกัน ยามที่มีงานก็ไปช่วยกันทำ เล่นน้ำก็ชวนกันไปเล่น ไม่มีการจ้าง มีแต่การพึ่งพาอาศัยกัน บางครั้งการเล่นก็ไม่มีผู้ใหญ่คอยดู ก็อาจจะทำให้เกิดเหตุได้

แต่เด็ก ๆ เองก็ระมัดระวังในการเล่นอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน และเด็ก ๆ นั้นมักจะ "เชื่อ" คำสั่งสอนของผู้ใหญ่เป็นหลักและยึดมั่น ไม่มีการโต้เถียง และสิ่งแบบนี้เราจะเป็นเรื่องปกติในบ้านนอกคอกนาอย่างเรา


ภาพต่อมาเป็น "กลิ่นโคลนสาปควาย" นี่เป็นเรื่องจริงครับกลิ่นโคลนสาปควายนี่ใครไม่ได้สัมผัสจะไม่รู้ถึงรสชาดของมัน

หรืออีกคำหนึ่ง "กลิ่นไอดิน" ถ้าหลังจากฝนตกแล้วกลิ่นไอดินลอยขึ้นมานี้ทำให้นึกถึงบ้านนอกคอกนาเป็นยิ่งนัก ซึ่งน้ำใน "บ่อ" หรือ "หนองน้ำ" เล็ก ๆ แบบนี้เด็ก ๆ ก็สามารถที่จะเล่นน้ำได้ 

ผมเองก็เคยเล่น สนุกครับเมื่อเล่นกันหลายคน แต่เล่นแล้วก็ต้องไปอาบน้ำในสระหรือบ่อน้ำอีกรอบนะถึงจะถึอว่าสะอาด ซึ่งเจ้าทุยที่พาออกไปเลี้ยงตามท้องนามันคงจะบ่นว่า ทำน้ำข้าสกปรก ขุ่น แล้วข้าจะกินได้เหรอได้พี่

อันนี้เป็นเรื่องของ "ธุรกิจ" ครับ มีขึ้นและมีลงทำให้ "รวย" และ "จน" ได้ครับ















คนรวยเจอกับคนรวย
ครับงานนี้















คนซ้ายคือ "สตีฟ จ๊อบ" เจ้าของ I-Phone














คนขวามือ "บิล เกต" เจ้าของ "ไมโครซอฟ"