วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Awayday Trip of "B" Shift Team 2011

ช่วงวันที่ 23 – 24 พฤษภาคม 2554 นาย “กระดิ่งทอง” มีโอกาสไปพักผ่อนกับกลุ่มพนักงานด้วยกัน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการ “เชื่อมความสามัคคี” ของพนักงานกะที่ทำงานด้วยกัน

ซึ่งขณะที่ทำงานก็อาจจะ “เคร่งเครียด” กับการทำงาน ก็ให้ไปพักผ่อนด้วยกันซะที

บางครั้งอะไรที่เข้าใจยาก ๆ ก็อาจจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น (ในวงเหล้า)






แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงเอง การเจรจาตกลงการค้าอะไรในห้องประชุมก็ไม่อาจจะตกลงกันได้ แต่ถ้าได้ไป “ตีกอล์ฟ” สักครั้ง ธุรกิจนั้นก็ราบรื่นได้ โลกของปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว (ต้องเข้าใจ)

ด้านซ้ายคือ แผนที่จังหวัดตราด

การส่งเสริมกิจกรรมนี้ก็ได้รับแรง “ผลักดัน” จากท่านผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ก็ให้ไปจัดสรรกันเอาเองว่าจะทำอย่างไร งบประมาณที่ให้มานั้นก็ประมาณคนละ 3000 บาท


การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนครั้งนี้ก็หาสถานที่มาหลายแห่ง ..แต่.. สุดท้ายตกลงกันได้ที่ “เกาะช้าง” จังหวัดตราดครับ




เกาะช้าง และหมู่เกาะช้าง เป็นอุทยานแห่งชาติมีเนื้อที่มากถึง 650 ตารางกิโลเมตร


ประกอบด้วยเกาะมากถึง 52 เกาะ เรียงรายตั้งแต่เขตอำเภอแหลมงอบ อำเภอเมือง และอำเภอคลองใหญ่ เกาะที่สำคัญที่สุด คือ “เกาะช้าง”


เกาะช้างนี้มีประวัติที่น่าสนใจ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมายทั้งน้ำตก อ่าวต่างๆ และชายหาดที่สวยงาม

นอกจากนี้ยังมีเกาะอื่นๆ ใกล้เคียงกันที่ยังคงสภาพความสวยงามตามธรรมชาติได้แก่ เกาะคลุ้ม ที่มีปลาอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เกาะเหลายาใน เกาะง่าม เกาะไม้ซี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะรัง ฯลฯ

ถ้าจะเล่าไป “เกาะช้าง” แต่เดิมเป็นเกาะที่ไม่มีชุมชนหรือหมู่บ้านตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย

หากมีความสำคัญในฐานะที่เป็นท่าจอดเรือเพื่อหลบลมมรสุม และเป็นแหล่งเสบียงอาหาร และน้ำจืด

โดยเฉพาะบริเวณอ่าวสลักเพชร หรืออ่าวสลัด เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่โจรสลัด ชาวจีนไหหลำ และญวน

ปัจจุบันบนเกาะช้างมีประชาชนอาศัยอยู่ 8 หมู่บ้าน

เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต ตัวเกาะช้างเอง มีเนื้อที่ประมาณ 429 ตารางกิโลเมตร

ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่ เขาสลักเพชร มีความสูง 744 เมตร สภาพป่าโดยทั่วไปอุดมสมบูรณ์

ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา อันเป็นบ่อเกิดของต้นน้ำลำธาร ทำให้มีน้ำตกหลายแห่งบนเกาะ ชายหาด และปะการังที่สวยงามอยู่ทางด้านตะวันตกของตัวเกาะ

ภูมิอากาศเกาะช้าง
- ฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่ เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่ได้รับอิทธิพลจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้

ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีประมาณ 4,700 มิลลิเมตร ถ้าเป็นฤดูฝนการเดินทางไปเที่ยวเกาะก็อาจจะไม่สะดวกเพราะคลื่นและลมแรง

เพราะว่าเรือที่ใช้เดินทางนั้นเป็นเรือที่ไม่ใหญ่ เพราะอดีตนั้นเป็นเรือประมงแล้วนำมาดัดแปลงเพื่อประกอบอาชีพใหม่

- ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ ในระยะนี้มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิลดลงอากาศหนาวเย็น


- ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือน มีนาคมถึงเดือนเมษายน ในระยะนี้ ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนผ่านเส้นศูนย์สูตรไปทางซีกโลกเหนือ

ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนค่อนข้างจะแปรปรวน มีฝนตกน้อยทำให้อากาศร้อนอบอ้าว

โดยเฉพาะในเดือนเมษายน เกาะช้าง มีอุณหภูมิตลอดปีประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส


ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวของ เกาะช้าง จะเริ่มตั้งแต่ ตุลาคม ไปจนถึง พฤษภาคม ที่เรียกว่า High Season จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวกันมาก

เนื่องจากประเทศทางแถบยุโรปจะเป็นฤดูหนาว ส่วนช่วง มิถุนายน - กันยายน จะเป็นช่วง Low Season ซึ่ง โรงแรม รีสอร์ท ที่พัก จะมีการลดราคา ค่าห้องพักถูกมาก เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวกันน้อย

การเดินทางครั้งนี้เราได้ “เหมา” รถมินิบัสประมาณ 18 ที่นั่ง ก็มี “คาราโอเกะ” ให้เราได้ขับร้องระหว่างทางกันด้วย และที่สำคัญคือ ไม่ต้องขับรถเอง

เพราะว่าขณะที่เราเดินทางนั้นก็จะดื่มกันระหว่างทางแบบเต็มที่

แล้วแต่ว่าใครจะชอบดื่มปริมาณเท่าไร นั่นหมายถึงเป็นความปลอดภัย

รถที่เช่ามานี้ก็คิดกันที่วันละ 3,000 บาท (ไม่รวมน้ำมัน) รวมคนขับให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นการสะดวกดี


ผู้ที่นำทางก็คือ “คุณอนุชิต” ครับ ซึ่งก็เป็นคนในพื้นที่เอง บ้านเกิดอยู่ที่เกาะช้าง และมาทำงานที่ระยอง

ดังนั้น เขาก็เลยรู้เส้นทางแทบจะทั้งหมดบนเกาะช้าง และยังทราบด้วยว่า ที่พักนั้นแต่ละที่อยู่ที่ใด ราคาและสถานที่นั้นเป็นอย่างไร เรียกได้ว่า รู้จักแต่ไม่กว้างขวางเพราะไม่ค่อยได้อยู่ในพี้นที่นั่นเอง

 

การเดินทางนั้นก็ออกจากจังหวัดระยองเวลาประมาณ 04:00 น. แล้วให้เดินทางไปถึงท่าเรือก่อนเวลา 08:00 น.

โดยมีระยะทางจากระยองไปถึงท่าเรือนั้นประมาณ 210 กม. ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชม.กับอีก 28 นาที ก่อนจะถึงท่าเรือข้ามฝาก



จากนั้นต้องข้ามฟากไปอีก โดยใช้เวลาข้ามประมาณ 20 นาที การข้ามฝากนั้นเราก็มาข้ามฟากที่ “ท่าเรือเฟอรี่” เพราะรถจะขึ้นและลงได้สะดวก บางท่าเรือนั้นรถจะลงแบบลำบากมาก

ต่อจากนี้ก็ต้องเดินทางไปยังที่พักอีกประมาณ 26 นาที จึงไปถึงที่พัก ที่พักที่เราเลือกนั้นก็คือ “พร-พล รีสอร์ท” สถานที่นี้ก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณอนุชิตเองเท่าไร (ไม่เกิน 5 กิโลเมตร)

ค่าใช้จ่ายต่อคนก็ประมาณ 1200 บาท/คน (2 วัน 1 คืน) ราคานี้รวมค่าที่พัก ,ค่าอาหาร และ ค่าเรือท่องเที่ยวแล้ว


สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในบริการก็คือ การดำน้ำดูปะการัง การดูปะการังนี้เราจะเดินทางโดยเรือไปที่ “เกาะรัง” ซึ่งต้องใช้เวลาเดินเรือแบบเรือประมงประมาณ 1.5 ชม.

ดังนั้น การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาถึง 3 ชม. การต้อนรับนั้นก็จะมีครอบครัวนี้ทำงานกันทุก ๆ คน

แต่เมื่อเป็นบริการโดยเรือที่จะเดินทางไปดำน้ำ(ผิวน้ำ)ดูปะการังนั้นจะมีพี่น้อง 3 คนคอยให้บริการ

และการบริการก็เป็นกันเองมาก มีอาหารการกินตลอดทาง และยังรวมทั้งอาหารเที่ยงด้วย ซึ่งเป็นความ “ประทับใจ” เป็นอย่างยิ่ง

สถานที่ดำน้ำดูปะการังนั้นก็ “สวยงาม” มาก เพราะว่า มีทั้งปะการังและ “ปลา” ซึ่งปลานั้นเยอะมากครับ

ยิ่งมีขนมปังนั้นปลาแทบจะกินเราไปด้วยเลย ซึ่งบางครั้งผมเองก็โดนปลา “ตอด” คือปลา “กัด” คนลอยน้ำครับ มันคงนึกว่านี่คืออาหารของมันละมั้ง

จากทั้งหมด 3 พี่น้องนั้นจะพาเราไปท่องเที่ยวถึง 5 เกาะ แต่เราบอกว่า เอาที่สวย ๆ ซัก 3 เกาะก็พอ

....แต่...ให้สวยละกันและดำน้ำดูปะการังนาน ๆ แค่นี้เราก็ประทับใจแล้ว และน้อง ๆ เองก็ไม่เปลืองน้ำมันด้วย ก็เป็นการตกลงกันที่รู้เรื่องและเข้าใจดี


และหนึ่งในนั้นก็จะมีสถานที่ซึ่ง “เรือหลวง” เราถูกฝรั่งเศษยิงจมด้วยเนื่องจากฝรั่งเศษกำลังหาประเทศเมืองขึ้นและจะเอาสมบัติภายในประเทศ

บัดนี้น้อง ๆ ก็บอกว่า เรือที่จมนั้นก็เหลือเพียงเล็กน้อยเพราะว่า “ ทราย” ได้ถมเกือบหมดแล้วเนื่องจากเวลามันผ่านไปนาน

เราก็จะออกจากที่พักประมาณ 10:00 น. ขณะที่ออกเดินทางนั้น ปวงชนก็ “ดื่ม” และ “กิน” กันตลอดเส้นทางโดยไม่มีอาการ “เมา” ให้เห็นเลย

ระหว่างทางก็แวะชมเกาะต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ เราก็นั่งกินลมทะเลมาเรื่อยๆ ซึ่งได้บรรยากาศยิ่งนัก ประจวบกับวันนั้นคลื่นลมไม่แรง จึงทำให้เรานั่งได้แบบสบายๆ


และประมาณเวลาซัก 15:00 น.เราก็เดินทางกลับเพื่อที่จะให้ถึงฝั่งก่อนเวลา 17:00 น. ครั้นมาถึงฝั่งแล้วก็เป็นการเสร็จสิ้นภารกิจของรีสอร์ทภาคกลางวัน 1 วันแล้ว

ตกยามค่ำคืนนั้นเราก็ “สนุกสนาน” กับการดื่มด่ำและร้องเพลง (มีคาราโอเกะให้ฟรี บริการไม่เกินเที่ยงคืน)


ดังนั้น จากบริการทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้คณะเรา "ประทับใจ" เป็นอย่างยิ่งครับ

และถ้าท่านต้องการท่องเที่ยวยามค่ำคืน 3 พี่น้องก็สามารถพาท่านไปท่องเที่ยวยังแหล่งดัง ๆ ยามค่ำคืนได้

โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มใด ๆ อีก เพียงแต่เราพาเขาเที่ยวเท่านั้น นี่ก็เป็นบริการที่ถือได้ว่า “ประทับใจ” อีกระดับขั้นหนึ่งด้วย

รุ่งเช้าอีกวันก็แล้วแต่ว่าใครอยากจะตื่นเมื่อไร แต่ก่อน 09:00 น. ก็ควรจะตื่นเพราะต้องมาทานอาหารเช้า และเก็บข้าวเก็บของ

บางรายก็เล่นซะสายโด่งเลยแหละครับ เพราะนอนดึกมาก

จากนั้นเราต้องออกจากที่พักประมาณเพื่อมาขึ้นเรือก่อนเที่ยง โดยหวังว่าเย็น ๆ เราจะได้กลับถึงบ้านกัน


ต่อไปเชิญ "ชมภาพ" สวย ๆ กัน ฮ่ะ















































































































































ต่อไปเชิญชม "ภาพเคลื่อนไหว" ขอรับ