วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

นักกีฬาโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ปี 2555

ณ. ปัจจุบันโรงเรียนที่มีื่ชื่อเสียงของจังหวัดระยองอีกแห่งคือ "โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง" เป็นโรงเรียนที่เปิดมาไม่นานนักประมาณ 3 ปี (ปัจจุบัน ปี 2555)

ถือว่าก่อร่างสร้างตัวมาได้ไม่นานนัก แต่..สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดระยองในระดับต้น ๆ เร็วมาก

แน่นอนถ้าจะ "ผลักดัน" ให้โรงเรียนใด ๆ ก็ตามให้มีชื่อเสียง "ไม่ใช่เรื่องยาก" ที่จะทำ ...เว้นแต่...ไม่ทำ

พื้นที่แต่เดิมของโรงเรียนแห่งนี้เป็น "สถานกักกัน" หรือ "เรือนจำ" ประจำจังหวัดระยองมาก่อน ย้อนหลังไปซัก 15 ปีเป็นต้นไป

บริเวณแห่งนี้จะไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยมากนัก (น้อยมาก) เนื่องจากเป็นเรือนจำของจังหวัดระยองนั่นเอง

จะ "รกทึบ" และ "วังเวงวิเวกแว่ว" ด้านหลังจะมีที่ฝังศพของคนไทยเชื้อชาติจีนหลายจุด จึงทำให้ไม่มีคนบุกรุกป่ามากนัก สังเกตุได้จาก "ต้นยาง" ที่สูงใหญ่มีอยู่เป็นอย่างมาก

เมื่อความเจริญขยายเขตออกไปเรื่อย ๆ จำเป็นต้องย้ายสถานที่เรือนจำจังหวัดระยองออกห่างชุมชน โดยปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่เขตรอยต่อระหว่าง กม.12 และ อ.ปลวกแดง หรือแถว ๆ หน้าอ่างเก็บน้ำดอกกราย



โรงเรียนแต่ละแห่งโดยส่วนใหญ๋จะมีกีฬาประจำโรงเรียน การแข่งขันนั้นมี "กีฬาสีประจำโรงเรียน" หรือ "กีฬาประจำจังหวัด" หรือ "กีฬาของเขต"

นักกีฬาโรงเรียนมีหลายประเภท  เช่น เทควันโด, ฟุตซอล, ฟุตบอล, วิ่ง และอื่น ๆ อีก

"น้องนิ้ง" หรือ "ด.ญ.พนิตสุภา อยู่เย็น" ก็เป็น "หนึ่ง" ของนักกีฬาประจำโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ปี 2555

น้องนิ้งเป็นนักกีฬาประเภท "แบตมินตัน" ซึ่งก็มีทั้งตี "เดี่ยว" และ "คู่" การฝึกซ้อมก็เพิ่งจะเก็บตัวของนักฬาได้ 1 อาทิตย์นี่เอง

การฝึกนั้น "หนัก" และ "ยาวนาน" ...แน่นอน...ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ต้อง "มานะ" และ "บากบั่น" เท่านั้นจึงจะเป็น "ที่หนึ่ง" ได้

ไม่เช่นนั้นใคร ๆ ก็ทำได้ล่ะซี  เมื่อต้องการเป็น "ยอดคน" ก็ต้องทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทำกัน (ในทางที่ดีเท่านั้นนะจ๊ะ)


ครั้งแรก ๆ นั้น "น้องนิ้ง" ไม่ค่อยจะปฏิบัติได้ถูกต้องตามหลักการนัก เพราะว่า ...ไม่ได้เรียนการตีแบตมินต้นโดยตรง

จึงทำให้ภาคปฏิับัติทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร คือ..ไม่ถูกต้องตามหลักการที่แท้จริง หรือ "ตีโดยใช้ท่อนแขน" ฉะนั้นจึงออกแรงมากกว่าคนที่เขาเล่นเป็นจริง ๆ

คนที่เป็น "อาจารย์ฝึกสอน" เห็นเพียงตาข้างเดียวก็บอกได้เลยว่า "ต้องพัฒนาอีกเยอะ" แต่นี่เป็นปีที่สองแล้วนะที่น้องนิ้งเป็นนักกีฬาให้กับโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง

ซึ่งปี 2554 นั้น "น้องนิ้ง" ก็ไปแข่งขันมาแล้ว ได้อันดับ 3 ของเขตภาคตะวันออกแน่ะ....

ในทางปฏิบัตินั้นเราลองมาชมว่า มีข้อบกพร่องอะไรตรงไหนบ้างซิ  ที่จะต้องปรับปรุงกันต่อไป  ในภาพวีดีโอนั้น "น้องนิ้ง..ฝึกซ้อม..กับ..น้องมาย"

     ...เรามาชมกัน...ฮะ



สรุป...น้องนิ้ง..นั้นยังต้อง "ฝึกฝน" และ "ปรับปรุง" ในอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ "ข้อมือ" แทนการใช้ท่อนแขน

เนื่องจากการใช้ท่อนแขนจะทำให้ใช้แรงงานมาก และแรงที่ส่งไปหาลูกแบตมินตันไม่แรงที่สุด หรือความเร็วและความแรงของลูกไปได้ไม่ไกลและช้า

เมื่อเทียบกับ "น้องมาย" ที่ตีคู่กันดังภาพเคลื่อนไหวด้านนั้น น้องมายจะทำได้ดีกว่า เพราะน้องมาย "เรียนกีฬาตีแบตมินตัน" มาโดยตรง

แต่ไม่เป็นไร ของแบบนี้เราเรียนรู้กันได้ คนที่เรียนมาโดยตรง ..ถ้าไม่พัฒนาไม่เรื่อยๆ ก็จะอยู่กับที่หรือถอยหลังไปเรื่อยก็ได้

เพราะว่า..มันเรียนรู้และพัฒนากันได้ไง โดยดูจากภาพที่เราบกพร่อง หรือให้ผู้ควบคุมการสอนเราบอกจุดที่เราบกพร่องเราก็พัฒนาตามที่ผู้ฝึกสอนแนะนำเรา  ขอ...อย่า...เป็นเหมือน "น้ำเต็มแก้ว" ก็พอ

สำหรับน้องเมย์.. ก็เป็นคู่ซ้อมให้กับน้องนิ้งอีกคนหนึ่ง  ลักษณะการซ้อมของทั้งคู่ก็มีข้อที่จะต้อง "ปรับปรุง" อยู่อีกหลาย ๆ จุด 

สำคัญอีกอย่างคือ "ประสาทสัมผัส" ซึ่งเป็นการใช้สายตา และ มือ ,การเดิน, การวิ่ง ขณะที่ลงสนามฝึกซ้อม

 การซ้อมอะไรก็แล้วแต่ "ต้องหมั่นสังเกตุการณ์" รอบด้าน ยิ่งถ้าได้ซ้อมก้ับคนที่เขาเก่งกว่าเราแล้ว เราจะเก่งไวมาก

เนื่องจาก..ถ้าสังเกตุลักษณะการตี และการชิงไหวชิงพริบจากคนที่เก่งกว่าเรา แล้วนำมาปรับปรุงกับตัวเองได้ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่จำเป็นต้องแพงเลย เรียกว่า "ใช้ทักษะ" ที่ถูกต้องเท่านั้น


เพราะผมเห็นมาแล้ว คนที่มี "สตางค์" ใช้ไม้แบตราคา 10,000 บาท ซ้อมกับครูฝึกที่ใช้ไม้แบตมินตันราคาไม่เกิน 500 บาท 

ครูฝึกตึหลอกให้คนที่ใช้แบตมินตันราคา 10,000 บาท วิ่งทั่วพื้นที่เลย "เหนื่อยซะ" แทบจะขายไม้แบตมินตันกันขณะนั้นเลย



ต่อจากนั้นเป็นการฝึกซ้อมการตีแบตมินต้นกับครูเอ้

ซึ่ง "ครูเอ้"....ได้สอนเทคนิคสำคัญให้กับน้องนิ้งหลายประการ 

เนื่องจาก "ครูเอ้" เป็นพี่เลี้ยงอีกท่านหนึ่งที่คอย "จับผิด" และ "แนะนำ" สิ่งที่นักกีฬาจะต้องปรับปรุงและปฎิบัติให้ดีขึ้น และลบจุดด้อยของตัวเองลงไปเรื่อย ๆ


การฝึกซ้อมก็เริ่มตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ ซ้อมในเวลาปกติราชการนี่แหละ ถือได้ว่า "หนัก" เช่นกัน แต่ได้ความชำนาญกับคืนมาก นับว่าไม่เสียหลายเลย

   ...เรามาชมภาพที่..ครูเอ้..สอนน้องนิ้งซิ...




ภาพต่อไปภาพ "น้อยมาย" และ "น้องเมย์" ฝึกซ้อมการตีแบตมินตันนอกรอบ ระหว่างที่รอน้องนิ้งซ้อมตีแบตมินตันกับครูเอ้ไปพลาง ๆ ก่อน

เป็นการ "ฝึกปรือ" นอกรอบว่างั้นเถอะ ซ้อมมาก ปรับปรุงข้อบกพร่องไปเรื่อย ๆ ก็เก่งไปเรื่อย ๆ เองแหละ

การฝึกที่สามารถทำได้อีกอย่างคือ "นั่งสมาธิ" และนึกภาพขณะฝึกซ้อมไปด้วย เรื่องแบบนี้ผ่านการ "พิสูจน์" แล้วว่า ได้ผลเป็นยิ่งนัก ไม่ด้วยไปกว่าการซ้อมจริงเลย จะเสียก็เรื่อง "เรี่ยวแรง" เท่านั้น

      ....ลองชมภาพกันดีฝ่า....



น้องนิ้ง...หลังจากเก็บตัวนักกีฬาของโรงเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้วก็กลับมาพักผ่อนที่บ้าน 2 วัน
เรามาฟังซิว่า ช่วงเวลาที่ฝึกซ้อมขณะไปเก็บตัวที่นั้น..เป็นอย่างไรบ้าง

    ....เชิญรับชมและรับฟังเลยครับ....


 
ปัจจุบัน (18 ตุลาคม 2555) นักกีฬาของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง กำลังเก็บตัวฝึกซ้อมกีฬาที่โรงเรียนเป็นอาทิตย์ที่สองแล้ว 

น้องบางคนก็ "ระพึงรำพัน"  เนื่องจากว่า การฝึกซ้อมนั้น "หนัก" เอาการ ขอให้ตระหนักว่า..ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก..นะจ๊ะ  555

สำหรับคู่ซ้อมแบตมินตันของน้องนิ้งนั้น ยังเป็นน้องเมย์เช่นเคย  นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่คอยหมั่นฝึกซ้อมเป็นคู่ซ้อมให้

ต้อง "อดทน" และ "ยอมเหนื่อย" เพื่อชื่่อเสียงโรงเรียนของน้องหนูนะ


นักกีฬา "เทควันโด" นี่เป็นอีกกีฬาหนึ่งที่ฝึกหนักเช่นกัน เป็นกีฬาประจำชาติของประเทศเกาหลี

ความนิยมเกาหลี..แพร่สะพัดมาถึงกีฬาประจำชาติของเขาเอง (เผยแพร่ได้ดีมาก) เป็นกีฬาต่อสู้ป้องกันตัวที่สำคัญอีกกีฬาหนึ่ง

ผู้เรียนก็ต้อง "ใจสู้" ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ได้ผลลัพท์น้อยมาก

...ชมภาพขณะฝึกซ้อมกันไปก่อน...




นี่เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ต้องซ้อมกับ "กระสอบทราย" ซึ่งในกระสอบนั้นไม่ใช่ทรายจริง แต่เป็น "เศษผ้า" และ...ผ้าอัดแน่น...

นักเรียนที่เรียนนั้นก็สนใจเรียนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากท่านครูผู้ฝึก "เข้มงวด" กับการฝึก เห็นหลาย ๆ คน ...เหนื่อย.. และ หมดแรง

นักเรียนหญิงคนนี้ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก เตะทั้งซ้ายและขวา น่าจะรักในกีฬาชนิดนี้เป็นอย่างมาก  สามารถพัฒนาเป็นอาชีพต่อไปได้เลย...ถ้าชอบแบบจริงจัง

       ...ลองชมภาพของน้องเค้าดู... 

 

ต่อไปเป็นนักกีฬาชาย  ที่ยังไม่ลงสนามจริง แต่  ต้องกระโดดเชือกเพื่อเก็บแรงไว้ก่อน  ก็ซ้อมกระโดดเชือกไปเรื่อย ๆ 

บางคนเก่งถึงขั้น "กระโดดเชือกกลับหลัง" ได้ ...แหม...นับถือมาก และกระโดดได้แบบ "ชำนาญ" ด้วยนะ 

แต่อย่างไรหน้าที่หลักก็อย่างไรบกพร่อง  ความสามารถที่ทำได้ก็พัฒนาต่อไป สิ่งที่เป็นหน้าที่หลักก็ต้องทำให้ดีควบคุ่กันไปด้วย

การบังคับใจของตนเองนี่เป็นเรื่องยากมาก ต้องฝืนกับความเหนื่อยเป็นที่สุด

    ...ชมภาพที่กล่าวไปแล้วกัน...

 

ก่อนที่ "น้องนิ้ง" จะกลับไปฝึกซ้อมต่อ น้องนิ้งก็ทราบแล้วว่าตัวเองจะต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง และสิ่งที่จะให้ข้อด้อยของตัวเองลดน้อยไปเป็นเรื่องอะไรบ้าง ฟังน้องนิ้งพูดซักนิดซิ



    ...หลังจากนี้ชมภาพ "นิ่ง" บ้าง...







 

    ติดตามชม ..ผลงานต่อไป..เรื่อย ๆ ขอรับ 

        จาก..กระดิ่งทอง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น