ครั้งหนึ่ง นาย...กระดิ่งทอง ได้ไปเยี่ยมเยือน "ยุโรป" มาแล้ว แน่นอน "ยุโรป" นั้นเป็นอีกหนึ่งความไฝ่ฝันของหลายต่อหลายคน
คล้าย ๆ กับศาสนาอิสลามที่บอกไว้ว่า ...ในช่วงหนึ่งของชีวิตจะต้องไปกรุงเมกกะให้ได้... การเดินทางเริ่ม 22-28 ตุลาคม 2554
ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ตัวกระผมเองก็ใฝ่ฝันไว้เช่นกัน นั่นเพราะอะไรเหรอ (ถามในใจ)
ด้วยความเจริญที่อยู่ในดินแดนของยุโรปนั้นมีมานานและยังดำรงคงอยู่และผู้คนก็อาศัยในที่นั้น ๆ ด้วยนั่นเอง
และปัจจุบันนี้ "ยุโรป" ก็เป็นทวีปที่ได้ชื่อว่า "พัฒนาแล้ว" เกือบทั้งหมดยกเว้นเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น
การเดินทางในแถบยุโรปนั้นก็สะดวกและรวดเร็วยิ่งนัีก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน,รถไฟ,หรือรถยนต์ก็ตาม
และอัตราการใช้เงินก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเงินสกุล "ยูโร" และจะรู้จักกันเกือบทั้งหมด
การท่องเที่ยวครั้งนี้จะมีทั้งหมด 3 ประเทศ คือ สวิสเซอร์แลนด์,ออสเตรีย,และเยอรมัน
แน่นอนเราอาจจะได้ิยินคำกล่าวที่ว่า "สวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน" มาไม่มากก็น้อย
หรือการสร้างบ้านตามหุบเขาที่ร่่มรื่นและเย็นก็จะนำคำกล่าวอ้างนั้นมาเสนอขายด้วยว่า เป็นสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย ประมาณนี้นั่นเอง
การเดินทางครั้งนี้ไปกัน "ยกโขยง" ใหญ่ เพราะว่าเป็นนักศึกษาปริญญาโทพระนครเหนือ สาขาการจัดการอุตสาหกรรมของศูนย์ระยองรุ่นที่ 4
ซึ่งไปพร้อมกับท่านอาจารย์อีกหลายท่าน เหตุผลการไปครั้งนี้ก็เพื่อการศึกษาดูงาน
แต่หนึ่งในนั้นคือ ท่านอาจารย์ ดร.ดร. อรรถกร เก่งพล ซึ่งท่านได้ไปศึกษาอยุ่ที่เมือง "อินบรู๊ค" ประเทศออสเตรีย
ดังนั้น..ท่่านอาจารย์จึงมีความรู้เกี่ยวกับเมืองต่าง ๆ ในดินแดนยุโรปมากมาย
แหละท่านอาจารย์ยังเป็น "มัคกุเทศน์" พานำเราเที่ยวและเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟังแบบละเอียดและได้ความรู้เพิ่มเติมอย่างมากมายด้วย
คุณรู้มั้ย.....คนไทยกับการเดินทางด้วยเครื่องบินนั้น "สำคัญและยิ่งใหญ่มาก"
ดังนั้น ถ้ามีใครที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วล่ะก็....ญาติ ๆ ก็จะยินยอมพร้อมใจก้นไปส่ง แต่ขอโทษฮะ....ไม่ค่อยมีเก้าอี้นั่ง (บรรเจิดมาก)
ฉะนั้น...จึงต้องยืนไงจะได้เมื่อย ใช่....มีน้อยมากที่อาจจะมีคนถามว่า ...จะไปส่งกันเยอะแยะทำไม... เรายังสังคมแบบ "คนไทย" ฝรั่งไปคนเดียวได้...แต่...ชีวิตจริงฝรั่งก็อยู่คนเดียวไง
สนามบินสุวรรณภูมินั้นใหญ่โตมาก มีเครื่องบิน บินขึ้นและบินลงทุก ๆ 1 นาที
แต่สนามบินของคนไทยนั้น "ยาก" ที่จะเข้าไปดู "เพราะไม่มีที่ดูเครื่องบิน" และ "จอดรถยาก" ซ้ำยัง "ค่าเช่าจอดรถก็แพง" สำคัญคือ "เก้าอี้" ที่จะให้ญาติ ๆ ที่ไปส่งนั่งนั้นมีน้อยมาก
เอาล่ะ....เล่ามายืดยาว ก็มาเริ่มเดินทางกันดีกว่า เราเริ่มกันที่ "สนามบินสุวรรณภูมิ" ของไทยเราซึ่งว่ากันว่าเป็นสนามบินอีกแห่งที่สวย,ใหญ่และทันสมัยที่สุดก็ว่าได้ แถมยังเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติด้วย
เราก็ดูเพื่อ "รำลึก" เหตุการณ์ครั้งนั้นกันดีกว่า
จากนั้นเราก็ไปถึงสนามบินเมือง "ซูริค" ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์กันแล้ว
ช่วงบ่าย ๆ ก็ได้ขึ้นไปชมยอดเขาที่มีชืื่อเสียงของโลกนั่นคือ "ยอดเขาทิตลิส"
ถือได้ว่าเป็นความยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มาโอกาศ "พิชิตยอดเขา" ที่สูงมาก ๆ อีกแห่งหนึ่ง
อะฮ่า...เป็นยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3020 เมตร เลยทีเดียว
เป็นความประทับใจของคณะเราเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาสัมผัส
เราำ้ก็ได้ "ถ่ายภาพหมู่" เพื่อเป็นที่ระลึกกันที่นี่ครับ..
...ชมภาพเคลื่อนไหวประกอบกัน...
ช่วงเย็นนั้น...เรามาท่องยามราตรีที่เมือง "ลูเซิร์น" ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์กัน หาร้านเบียร์แท้ ๆ ของเมืองลูเซิร์นดื่มเพื่อความรื่นรมภ์
ในใจลึก ๆ คืออยากที่จะเดินชื่นชมเมืองนั้น ๆ แบบนาน ๆ เพราะว่าเราเองไม่ได้มาบ่อย หรืออาจจะไปเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น การเดินชมเมืองจึงทำได้ในราคาที่ถูก
นาย..กระดิ่งทอง..ได้ดื่มด่ำกับรสชาดของเีบียร์อย่างถึงพริกถึงขิงกับคุณธนะประสงค์กันสองคน เพราะคนที่ไปด้วยไม่ดื่มฮะ..จึงไม่รู้ถึงรสชาดของเบียร์เมืองลูเซิร์น
ในภาพนี้...ช่างดูเหมือนนักดื่มมืออาชีพเสียจริง ๆ ร้านที่เข้าำไปดื่มนี้ ตั้งอยู่ข้าง ๆ กับสะพานชาเปลที่มีอายุร่วม 600 ปี
...ชมบรรยากาศกัน...
รุ่งขึ้น..เรา็ก็เดินทางไปที่เมือง "อิ๊นบรู๊ค" ด้วยความหมายที่แยกกันออกมาคือ "อิ๊น=แม่น้ำ" ส่วน "บรู๊ค=สะพาน" รวมกันจึงได้คำว่า "สะพานข้ามแม่น้ำ"
เมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศออสเตรีย ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา มี "คาสิโน" ให้เล่นด้วยถ้า "ดวง" ไปทางนี้ก็ "นิมนต์" ได้ขอรับ
เมืองนี้ "ท่านอาจารย์อรรถกร" เล่าให้ฟังว่า เขาเข้ามาเมืองไทยเพื่อหาซื้อ "คัมภีร์ใบลาน" ที่ทิ้ง ๆ จากบ้านเรา แล้วให้นักศึกษาไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้รู้ว่าเราเขียนอะไรไว้บ้างในใบลานนั้น
สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ "ตำรายาสมุนไพรไทย" ที่เขียนอยู่ในนั้น แล้วเขาก็ทำการวิจัยว่าเป็นจริงหรือไม่ สุดท้ายคือ "จริง" ครับ
และสุดยอดยาที่สกัดได้ก็ออกมาจากเมืองอิ๊นบรู๊คนี่เองซึ่งได้สูตรมาจากใบลานของคนไทยที่ิทิ้งแล้วนั่นเอง
และเมื่อเขาขายก็จะขายเป็น "โดส" หรือ "หยด" ตามประสาคนไทยทั่วไปเรียกกัน ..แหละราคายานั้น "แพงมาก" เสียด้วยซี
ท่านอาจารย์ยังนำพาเราท่องเที่ยวอีก ..มาฟังกันดีฝ่า...
ล่วงล้ำเข้าสู่ประเทศเยอรมัน ก็เข้าไปท่องเที่ยวปราสาทที่สำคัญ ๆ นั่นคือ "ปราสาทนอยชวานสไตน์"
ลักษณะการสร้างจะเป็นแนว "วรรณกรรม" ของทางยุโรป
เมื่อเห็นปราสาทแห่งนี้ทำให้นึกถึงภาพยนต์การ์ตูนหลาย ๆ เรื่อง เช่น สโนว์ไวท์และคนแคระทั้งเจ็ด หรือ เจ้าหญิงนิทรา
ซึ่งเป็นปราสาทที่สวยงาม,มีืชื่อเสียง,ยิ่งใหญ่ และนำเงินเข้าประเทศเยอรมันเป็นอันดับต้น ๆ เสียด้วย
แต่....ก็ยังมีคนบางคนถึือว่าเป็นโอกาสสำหรับการกลับบ้านเกิด
...เรามาดูกันสิว่าจะเป็นใคร...
เราไปชม "เมืองแห่ง BMW" กัน ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่ง BMW เลยก็ว่าได้ โลกแห่งบีเอ็มดับเบิลยูนั้นตั้งอยู่ที่แคว้น "บาวาเรีย"
ซึ่งมีธงประจำรัฐเป็นสีฟ้าขาวสัญญลักษณ์ของ BMW นั้นหมายถึงการขับเคลื่อน สถานที่ตั้งอยู่ที่เมือง "มิวนิค" ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ บาเยิร์น
BMW Welt เป็นภาษาของเยอรมัน ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคือ BMW World แปลว่า โลกของบีเอ็มดับเบิลยู
BMW Welt เป็นสถานที่ใช้รับรถส่งรถให้กับลูกค้า ยังเป็นสถานที่นัดหมาย,ประชุมและสัมมนาก็ยังได้เพราะมีห้องให้เช่าด้วย
อาคารของ BMW Welt ทำจาก stainless steel clad ตามสถิตินั้นสถานที่แห่งนี้มีการมอบรถให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 100 คันต่อวัน
ด้านบนที่เป็นหลังคา มีระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 800 kWatt เรียกได้ว่า ผลิตเองใช้เอง สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่ถนน Am Olympiapark 1 ด้านตรงข้ามถนนก็จะเป็นตึกรูปทรงกระบอกติดกัน โดยใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของ BMW
...ดูภาพเคลื่อนไหวว่ามีอะไรบ้าง...
ด้วยความบังเอิญ....กระดิ่งทองกับคุณชอร์คมาเจอคนไทยด้วยกัน (ผู้หญิง) นั่นคือ พี่สมลักษณ์ครับ
พี่เค้าเป็นคนโคราชเมืองย่าโม พี่สมลักษณ์จึงพาเราท่องเที่ยวไปเรื่อยจนไปดูที่เก็บพระศพของกษัตริย์ลุดวิคที่2 เข้าให้
ฉะนั้น จึงจะเสียเวลาอยู่ใย ค่าเข้าชม 2 ยูโร จึงเข้าไปชมดูสิว่ามีจริงหรือไม่
โอ...พระเจ้า ของจริงครับ กลิ่นยังอบอวนอยู่เลย และเก็บศพมากมายซึ่งเก็บอยู่ในโลงเหล็ก เท่าที่ดูด้วยตานั้น มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ครับ
น่าจะล้างราชวงศ์อะไรประมาณนี้ คิดว่าคงจะเกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกับกษัตริย์ลุดวิคที่2 เสียชีวิตด้วยการจมน้ำ
(ภาพด้านซ้ายมือคือบัตรเข้าชมพระศพลุดวิคที่2 ราคา 2 ยูโรป)
...มาดูสถานเก็บพระศพกัน...
สิ่งที่อยากจะสัมผัสอีกสิ่งหนึ่งคือ "โรงเบียร์เยอรมัน" ซึ่งเป็นโรงเบียร์ที่มีอายุยืนยาวมากกว่า 400 ปี
โดยเริ่มแรกนั้นโรงเบียร์แห่งนี้จะผลิตส่งแต่เฉพาะพระราชวัง
..ครั้นเมื่อ..กษัตริย์เสียชีวิตหมดแล้ว โรงเบียร์นี้ก็ถ่ายทอดอำนาจไปอีกหลายต่อหลายคน
แต่ยังคงผลิตเบียร์และเปิดบริการให้กับคนทั่ว ๆ ไปได้เข้ามาดื่มด่ำกันอยู่ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบัน
เสน่ห์ของที่นี่คือ ส่งเสียงดังได้ แต่ ห้ามทะเลาะกัน ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะเห็นเขาทะเลาะกันมีแต่มาสนุกกันซะมากกว่า
ข่าวคร่าว ๆ นะ....วันหนึ่ง ๆ มีคนมาดื่มและกินขาหมูที่นี่ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน เมื่อเข้าไป "สัมผัสบรรยากาศแล้วสนุกมาก"
..."รายได้" จะเท่าไรนะ และ "หมู" ต้องตายเท่าไหร่นะ...
วันที่ได้เดินทางไปเยี่ยมสถานที่แห่งนี้นั้น มันตื่นเต้นมาก ผู้คนสนุกสนานเหมือนมีงานรื่นเริงอะไรบางอย่าง
และผมเห็น "ผู้เฒ่า" สองคนแต่งตัวย้อนยุคเมื่อ 400 ปี เลย ผมยิ่งตื่นเต้นใหญ่
สถานที่โรงเบียร์ที่ใหญ่และคล้ายๆ กันจะมีอยู่ที่ญี่ปุ่นบนเกาะฮอกไกโด ตรงนั้นเอาไว้โอกาสหน้าฮะ
ซึ่งแน่นอน คนเยอรมันสามารถดื่มเบียร์ขณะทำงานและขับรถได้
...เรามาชมบรรยากาศกัน...
แล้วก็ถึง "วาระสำัคัญ" นั่นคือการ "ดูงาน" ซะที การดูงานนั้นก็มี 2 สถานที่
นั่นคือ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และ มหาวิทยาลัยแลงท์ชู้ท ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิคนั่นแหละ
เราก็ได้ทราบว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นั้นให้ความปลอดภัยมากที่สุด (ถ้าอุปกรณ์สมบูรณ์) โดยสามารถกักเก็บรังษีได้มากกว่า 99.9 %
เรียกว่า มีรังษีน้อยกว่าวิทยุสื่อสารกันซะอีก
โดยมีรังษีที่รั่วไหลน้อยกว่าบนเครื่องบินซะอีก (ช่วงที่ไปยุโรปนั้น..ญี่ปุ่นเกิดสึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กำลังเจอศึกหนัก จึงเป็นข่าวไม่ดีกับคำว่านิวเคลียร์)
ด้านล่างนี้จะเป็นการรวบรวมภาพที่ได้บันทึกไว้ มีทั้งหมด 77 กรอบ
ซึ่งเป็นความประทับใจของทุก ๆ คน ...ควรค่าแห่งการจดจำ...
แหละต่อจากรูปภาพจะเป็น "ภาพยนต์" แห่งความทรงจำที่ได้ไปยุโรปกันรอบนี้
....ติดตามชมกันได้เลย....
ต่อไปนี้เป็น "ภาพยนต์" ของกลุ่มเรา เชิญชมกันได้เลย..
ขอให้โชคดีทุก ๆ คน จาก ...กระดิ่งทอง...