
ซึ่งถ้าจะคิดเล่น ๆ นั้นคล้ายกับว่า ปีใหม่สากลนั้นเพิ่งจะผ่านไป "แหม่บ ๆ " ก็ถึงปีใหม่ไทยอีกหนซะแล้ว
ทั้งนี้อาจจะไม่ค่อยมีเวลาและมีภาระกิจอื่นที่ต้องทำ จึงไม่ได้เดินทางไปที่ใดของประเทศไทย
และในยามว่างนี้ "น้องนิ้งและน้องนนท์ รวมทั้งน้องยา" ก็ขับขี่รถ atv เล่นไปพราง ๆ ในสวนเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน รวมทั้งได้สูดดมอากาศที่บริสุทธิ์ในยามเย็นด้วย

ความหมายของ "วันสงกรานต์" นั้นหมายถึง วันปีใหม่ของชาวไทย
ซึ่งแต่ก่อนเก่านั้นประเทศไทยเราไม่ได้นับปีใหม่เมื่อ
ตรงกับวันที่ 1 มกราคม ของทุก ๆ ปี แต่จะนับปีใหม่แบบไทย ๆ เรานั้นก็ต่อเมื่อตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทุก ๆ ปี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปการติดต่อสื่อสารทำให้โลกนี้แคบลงทำให้ต้องกำหนดวันปีใหม่ให้เป็นสากลตามกันทั่วโลก
ในช่วง "วันสงกรานต์" นั้นก็จะนับตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน ของทุก ๆ ปี ส่วนจะถึงวันที่ 16-17 เมษายน

กิจกรรมในวันสงกรานต์ก็จะเป็นการ "พบปะสังสรรค์" ของคนในครอบครัวซึ่งต้องแยกย้ายจากกันไปเพื่อทำมาหากินหรือดำรงชีพในช่วงวัยทำงาน
จึงทำให้คนในครอบครัวเดียวกันที่อยู่รวมกันเมื่อยังเล็ก ๆ

ดังนั้น..เมื่อถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงทำให้ "ต้อง" มาพบปะสังสรรค์ตามประสาญาติพี่น้องรวมถึง "การรดน้ำดำหัว" ให้กับผู้หลักผู้ใหญ่
เพื่อ "ขอพร" จากท่านและ "ขอขมาลาโทษ" กับบุคคลท่านอื่น ๆ ที่มิได้ตั้งใจด้วย
พอถึงเทศกาลสงกรานต์....จึงเป็นเวลาสำคัญที่ต้องกลับไป "โฮม" หรือ "รวม" ญาติกันที่บ้านใน "ภูธร" นั่นจึงเป็นที่มาของการเดินทางกลับบ้านในต่างจังหวัดกัน
แล้วเราก็จะเห็นการจราจรที่ติดขัดตลอดเส้นทางสู่ชนบททั้ง

หากเป็นการ "สนุกสนาน" ซะด้วยซ้ำไปเพราะจะได้พบหน้าผู้เป็น "พ่อและแม่" ที่รอคอยรับอยู่ที่บ้าน ซึ่งก็สร้างความสุขได้ทั้งสองฝ่ายที่จะได้เจอกัน

ถ้าเป็นรถยนต์ส่วนตัวก็มีทั้งรถกระบะและรถเก๋ง ถ้าเป็นรถกระบะนั้นก็จะขนสิ่งของใส่หลังกระบะรถกลับไปให้ญาติ ๆ ที่ต่างจังหวัดเพื่อเป็นของฝาก
หลังกระบะรถอาจเป็นญาติ ๆ หรือบุคคลที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันที่อาศัยเดินทางกลับบ้านด้วยในคราวเดียวกัน ทั้งจะได้เป็นเพื่อนในยามเดินทางไกลและถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

บางส่วนอาจจะเดินทางโดย "รถไฟ" ของรัฐบาลซึ่งมีให้บริการมากกว่าปกติ ถึงแม้จะเพิ่มเท่าไรก็ไม่เคยพอซักปี เพราะใคร ๆ ก็อยากกลับก่อนและเร็วด้วยกันทั้งนั้น

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องการความรวดเร็วก็จะเดินทางกับด้วย "เครื่องบิน" การเดินทางแบบนี้ก็จะต้องมีการจองบัตรจองตั๋วกันไว้ล่วงหน้าจึงจะสามารถใช้บริการได้

....เวลาที่ใช้ในการเดินทางก็ถือว่าไม่นาน อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับข้ามวัน คนที่เดินทางกลับก็ไปถึงบ้านเกิดเมืองนอนซะที
จากนี้ก็จะเป็นการต้อนรับจากคนที่รอคอยเพื่อรับคนที่เดินทางมาจากแดนไกล ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ของปีเริ่มต้นแบบสวยงามอีกครั้ง....
เมื่อญาติพี่น้องได้พบปะกันพร้อมหน้าพร้อมตาทุก ๆ คนแล้วก็เป็นการยินดียิ่งนัก ต่างพูดคุยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ สู่กันฟัง

จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะ “รดน้ำดำหัว” ให้กับพ่อแม่รวมทั้งญาติพี่น้องและผู้หลักผู้ใหญ่
ในขันนั้นก็จะเป็นน้ำที่ถือได้ว่าสะอาดและหอมกรุ่นไปด้วยแป้งหอม “มองเล่ย์ยะ” พร้อมด้วย “ดอกมะลิ” และ “พวงมาลัย” ที่ร้อยด้วยดอกมะลิอีกหนึ่งพวงใหญ่
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มด้วยการ “ขอ-ขมาลาโทษ” กับผู้เป็นพ่อและแม่รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วตามด้วยการตักน้ำล้างเท้าให้กับพ่อและแม่

แล้วค่อยรดน้ำที่มือและรดน้ำที่ตัวให้กับท่าน จากนั้นท่านก็ “อวยพร” และ “รดน้ำ” ให้กับเราเป็นการตอบแทน
ด้วยประเพณีไทย ๆ เยี่ยงนี้เมื่อพบเห็นแล้วทำให้เป็นที่อบอุ่นยิ่งนัก เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้วทุก ๆ คนก็สนุกสนานกันเต็มที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ส่วนด้านหลังพระทั้งในและนอกขบวนแห่นั้นก็เล่นน้ำสงกรานต์ไปในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งก็เป็นการสนุกสนาน

ประเพณีสงกรานต์นี้ ถ้าชาวต่างชาติที่ทราบข่าวก็จะพยายามมาร่วมสนุกด้วยถ้าเขามีโอกาส

เหตุที่มีการก่อเจดีย์นั้น ก็มีการตีความหมายว่า ในช่วงเวลาปกติที่เราเดินเข้าออกวัดทั้งการมาทำบุญหรือกิจกรรมอะไรก็ตามปี ๆ หนึ่งนั้นเราเหยียบ

ดังนั้น เมื่อถึงวันสงกรานต์ก็เลยต้องมีการขนทรายเข้าวัดซึ่งถ้าขนเข้าวัดเฉย ๆ ก็จะไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่าไร จึงได้ก่อกองทรายให้สวยงามด้วยก็จะดีขึ้น

สำหรับประเพณีสงกรานต์นั้นก็จะมีด้วยกันปีละหนึ่งครั้งในช่วงเดือนเมษายนของทุก ๆ ปี โดยในอดีตที่ผ่านมานั้นเดือนเมษายน จะเป็นเดือนที่ร้อนหรือตรงกับฤดูร้อนของเมืองไทยนั่นเอง

เอาล่ะ...... ท้ายสุดแล้ว ก็ขอให้ทุก ๆ คนเดินทางทั้งไปและกลับด้วยความปลอดภัย,,,,,ยิ่ง .....ขอรับ
ภาพ "ความอบอุ่น" ของครอบครัว







