วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ท่องเที่ยว สวิส,ออสเตรีย,เยอรมัน 7 วัน 4 คืน

ช่วงวันที่ 22-28 ตุลาคม พ.ศ.2554 "นาย กระดิ่งทอง" ต้องไปพักผ่อนและดูงานที่ "แถบยุโรป" บริเวณประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ , ออสเตรีย และ เยอรมันนี

การไปครั้งนี้ก็มีด้วยกันเยอะมากครับเป็น
ทีมของ นักศึกษาปริญญาโทพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สาขาการจัดการอุตสาหกรรม ของระยองรุ่นที่ 4 และ อมตะรุ่นที่ 2





เพื่อนสมาชิกที่ไปด้วยก็มีดังนี้ครับ จากรูปด้านซ้ายมือ (นับเรียงจากซ้ายไปขวา) พี่เอ๋,คุณโอ,คุณน้อง,คุณชอร์ค,คุณน้อย 


สำหรับคุณชอร์คนั้นมีตำแหน่งเป็น "หัวหน้าห้อง" ครับ มีข่าวคราวอะไร ก็จะบอกกล่าวและแนะนำกับสมาชิกในห้องตลอดครับ


และถ้า "นายกระดิ่งทอง" มีปัญหาเรื่องเรียนคราวใดกระผมก็จะ "รบกวน" ทั้งคุณชอร์คและคุณเอ๋ตลอดเวลาเลยครับ ต้องขอขอบคุณทั้สองท่านด้วย

ภาพทางขวามือ (จากซ้ายไปขวา) คุณกุ้ง และ พี่ป๊อกครับ  
สำหรับคุณกุ้งนั้นเป็นคนที่ "ปราชญ์เปรื่อง" มาก..ใช้เวลาทำความเข้าใจกับวิชาที่เรียนไม่มากก็ "บรรลุ" ครับ แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างเลย นับถือจริงๆ...

ส่วนพี่ป๊อกนั้นก็ใช่เล่นครับดีกรี "มหาลัยเชียงใหม่" นั้นรับประกันอยู่แล้ว ขนาด "นั่งหลับ" ตื่นขึ้นมาแล้วถามอาจารย์ผู้สอนสักพักก็ "เข้าใจ" แล้ว 

ผมยัง "งง" อยู่เลย ต้องถามหรือให้พี่ป๊อกนี่แหละอธิบายให้ผมฟังเพิ่มเติมครับ ต้องขอขอบคุณพี่ป๊อกมาก ๆ ครับ 


ภาพทางซ้ายมือ (เริ่มจากซ้ายไปขวา) พี่เล็ก, พี่เอ๋, คุณไกด์ ,คุณธี,คุณอ๊ารต,คุณโอ,คุณเบิร์ด,คุณส้ม



ครั้งนี้ต้องเต็มยศครับเพราะเป็นงานใหญ่และสำคัญมาก ๆ และครั้งนี้ R-4 และ A-2 เป็นแม่งานใหญ่ซะด้วย






รูปทางขวามือ (จาซ้ายไปขวา) คุณต้น และคุณวิบูรณ์





ภาพด้านซ้ายมือ (ริ่มจากซ้ายมือ) พี่เมศ, คุณน้อง,และคุณหมา


รุ่น R-4 นั้นยังมี คุณตุ๊ก ,น้องหญิง,คุณจำนงค์ใจ,คุณชัย และอีกมากมายครับ (รูปไม่ครบ) ต้อง "ขออภัย" ถ้าไม่ได้เอ่ยนาม




รูปหล่อทางขวามือคนนี้คือ "คุณธี" ครับ เป็นช่างภาพอีกคนหนึ่งที่ตามเก็บภาพให้สำหรับทุก ๆ ท่านและทุก ๆ สถานที่ที่ได้ไปกัน






ส่วน "คุณส้ม" นั้นพาศรีภรรยาไปด้วยครับ ...แต่...ไม่พาลูกไปด้วย สงสัยต้องการ "ฮันนีมุูน" งานนี้ซะแล้วครับท่าน (อิจฉาจัง)......






ส่วน "อมตะ" รุ่น A-2 เท่าที่มีภาพนั้นก็มีดังนี้














































ต้อง "ขออภัย" อีกหลาย ๆ ท่านด้วยที่ไม่มีภาพ


การเดินทาง

วันแรก.. ณ. อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ทางเข้าที่2 แถว D เคาน์เตอร์สายการบินไทย เราต้องไปเช็คอินที่นั่น





นายกระดิ่งทอง จะไปด้วยสาการบินไทยคืนวันที่ 22 ตุลาคม 2554 เวลา 23.56 น. จากนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ TG 970

ไปถึงเมืองซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เวลาประมาณ 07.27 น. ใช้เวลาบครื่องบินประมาณ 11 ชม. (จะทำอารายดีตอนอยู่บนเครื่องเนี้ยะ.....ปีกก็ไม่ให้ไปเดินเล่นซะด้วยสิ)


สถานที่จะไปนั้นมีอะไรบ้าง

วันที่สอง
 

ช่วงเช้า...ถึงซูริคเมืองศูนย์กลางทางการค้าการบินที่สาคัญที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีความเจริญด้านกค้ากาเศรษฐกิจ ตั้งอยู่สองฝั่งแม่น้าลิมมัทและทะเลสาบซูริค

 


มีเขตเมืองเก่าที่ได้รับการรักษาไว้อย่างดี จากเดินทางต่อโดยรถโค้ชสู่ "น้ำตกไรน์" ถ่ายรูปและชมความงามของน้าตกที่ไหลผ่านมาจากประเทศเยอรมัน สู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์




 
จากนั้น...ออกเดินทางสู่ "เมืองลูเซิร์น" ชมเมืองในแอ่งเขาสวยงามมากมายรายล้อมด้วยขุนเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนงดงามดังภาพที่ท่านเคยเห็นในปฏิทิน 




จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง "เมืองแองเกิลเบิร์ก"

เมือง "ลูเซิร์น" จะมีสะพานไม้ ชาเปล (Kapelbruck หรือ Chape Bridge) เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่สุดในโลก มีความยาวประมาณ 204 เมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1333 มีอายุกว่าหกร้อยปี 

สร้างขึ้นมาพร้อมๆกับเมืองลูเซิร์น สะพานนี้ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น สะพานนี้มุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ

ที่จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี

น่าเสียดายที่สะพานนี้ถูกไฟไหม้เสียหายอย่างหนักใน ค.ศ. 1993 แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิมแล้ว



ช่วงบ่าย... หลังจากที่ "รับประทานอาหาร" แล้ว เราก็จะได้นั่งกระเช้าลอยฟ้าที่หมุนได้รอบตัวเองขึ้นสู่ "ยอดเขาทิตลิส" ที่มีความสูงถึง 10,000 ฟุต จากระดับน้าทะเล

"กระเช้า" ที่ใช้ขึ้น
ยอดเขาทิตลิสนั้นต้องใช้กระเช้าถึง 3 ระดับจึงจะขึ้นไปถึงยอดได้


 

หนึ่งในนั้นจะมี "กระเช้าทรงกลม" ที่รับคนได้ประมาณ 8 คน และหมุนรอบ 360 องศาแบบช้า ๆ




 
ซึ่งท่านเพียงแค่...ยืน...อยู่กับที่...แต่...ได้ชมทิวทัศน์โดยรอบไปจนสุดระยะ

การเดินทางครั้งนี้ท่านจะได้สัมผัสกับความเย็นสบายของอากาศบนยอดเขาที่เป็นทิวขาวสะอาด
และบางแห่งปกคลุมไปด้วยหิมะอยู่ตลอดทั้งปี 

นอกจากนี้ยังพาท่านไปชมถ้าน้ำแข็ง "กาเซียร์ อันแปลกตา


เย็นมาก ๆ เราก็ลงมารับประทานอาหารค่า ณ. ภัตตาคาร(จีน)

วันที่สาม
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็ออเดินทางข้ามเขตพรมแดนสู่ "ประเทศออสเตรีย" ในเส้นทางที่สวยงามโอบล้อมด้ว"เทือกเขาแอลป์" และบ้านเรือนแบบดั้งเดิมที่สวยงามมากสู่เมือง "VADUZ" (วาดูซ) ระยะทางประมาณ 110กม.

ภาพขวามือ.....คือโรงแรมที่ขึ้นชื่อและสวยงามที่ "วาดูซ"



ภาพซ้ายมือ..คือ "ปราาทวาดูซ"


จากนั้นแวะผ่านชมเมือง VADUZ เมืองหลวงของราชรัฐลิคเคนสไตน์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระที่อยู่ในพรมแดนสวิสให้ท่านเดินเล่นพักผ่อนและเลือกซื้อ "แสตมป์" ที่ได้ชื่อว่า สวยงามมากๆในยุโรป



 
ช่วงบ่าย...หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางต่อสู่ "เมืองอินน์บรูค" ระยะทางประมาณ 169 กม. มีเวลาให้เราได้เดินเล่นชมเมืองเก่าของอินส์บรูค




 

อันมีสถาปัตยกรรมที่งดงามของอาคารบ้านเรือนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จากนั้นก็ไชมและถ่ายรูป "พระตำหนักหลังคาทองคำ"




ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย โดยมีประวัติการสร้างที่ยืนยามมากว่า 400 ปี ในยุคของ "กษัตริย์แมกซิมิเลียน"





หลังจากนั้นก็อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย สินค้าที่เด่น ๆ นั้นจะมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ "เครื่องก้วชวารอฟสี้คริสตัล" ซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วและมีเม็ดใหญ่มาก ๆ ดังนั้นจึงมีโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่นี่



วันที่สี่ ...เดินทางโดยรถโค้ชสู่ "เมืองโฮเฮนชวานเก" ระยะทางประมาณ 106 กม. เมืองสุดแสนน่ารักมีเอกลักษณ์เฉพาะเมือง 

เพราะบ้านเรือนเกือบทุกหลังจะมีการตกแต่งลวดลายศิลปะสวยงามบนผนังกาแพงเป็นฉากหลั

 
ปราสาทที่สร้างบนหน้าผาสูง 200
เมตร นับตั้งแต่วันที่เริ่มสร้จนถึงปัจจุบัน ปราสาทแห่งนี้มีอายุราว 140 ปี ผู้ที่ออกแบบปราสาทไม่ใช่สถาปนิก แต่กลับเป็นคนออกแบบฉากลคร ทำให้ปราสาทเหมือนปราสาทในจินตนาการมากกว่าปราสาทแห่งอื่น




ซึ่งภายในเต็มไปด้วยศิลปะในยุคต่างๆ ไบแซนไทน์ โรมันเนสก์ โกธิก

ปราสาทนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย (มีพระชนม์ชีพระหว่าง 25 สิงหาคม พ.ศ. 2388 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2429) 

นสมัยนั้นเยอรมันยังไม่ได้รวมกันเป็นประเทศอย่างในปัจจุบัน แคว้นเล็กๆต่างปกครองกันเอง มีกษัตริย์ของตัวเอง



พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งรัฐบาวาเรีย ทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้างปราสาท 3 แห่ง อันได้แก่ปราสาทนอยชวานสไตน์, ลินเดอฮอฟ และแฮเรนคิมเซ่ ให้เป็นมรดกอันล้าค่าแห่งรัฐบาวาเรีย

กษัตริย์ลุดวิกทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 18 ชันษา เป็นกษัตริย์อารมณ์ศิลป์ สนใจศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม มากกว่าจะสนใจปกครองบ้านเมือง

ทรงนิยมสร้างปราสาท หลงไหลในตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทพของเยอรมันและพวกไวกิ้ง และชื่นชอบอุปรากรของริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) เป็นชีวิตจิตใจ 

จนพวกขุนนางทนไม่ไหว ตั้งข้อหาสติวิปลาส แล้วปลดพระองค์ลงจากตำแหน่ง หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนพบพระศพจมน้ำตายอย่างปริศนา

แถมพระองค์ยังมีหัวคิดก้าวหน้าโดยได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดมาใช้ในปราสาทแห่งนี้ ทั้งระบบไฟฟ้า ,ประปา แถมยังมีโทรศัพท์ในปราสาทอีกด้วย มีระบบทำน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมเสร็จ

ชื่อของปราส
าทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein) มีความหมายดังนี้
neu = new แปลว่าใหม่
schwan = swan แปลว่าหงส์

stein = stone แปลว่าหิน
ฉะนั้นนอยชวานสไตน์ จึงแปลว่า
New Swan Stone Castle หรือปราสาทหินหงส์ใหม่


ช่วงบ่าย เดินทางออกจากปราสาทลงสู่เชิงเขาเดินทางสู่ "เมืองมิวนิค" ระยะทางประมาณ 127 กม.

ผ่านชมย่านการค้า ย่านใจกลางเมือง หอนาฬิกาประจำเมืองที่ "จตุรัสมาเรียนพลาส" โบสถ์ทรงหัวหอมสัญลักษณ์ของเมือง



วันที่ห้า ....ช่วงเช้าที่ “มิวนิก” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย และเมืองหลวงแห่งเบียร์ของยุโรป  

นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจ และการคมนาคมที่สำคัญของเยอรมนี ร่ำรวยด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมสไตล์บาโร้ก และเรอเนสซองส์



จุดเด่นอยู่ที่ Glockenspiel หอระฆัง ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบ เวลา 11 โมงเช้าในหน้าหนาว และ 5 โมงเย็นในหน้าร้อน


 
ยิ่งไปกว่านั้นเมืองมิวนิคนี้เป็น "เมืองแห่งเบียร์" ด้วย การดื่มเบียร์ที่เยอรมันไม่เป็นการผิดกฏหมาย แม้กระทั่งขณะทำงานก็สามารถดื่มเบียร์ได้

และเทศกาลดื่มเบียร์เดือนตุลาคมซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ ปี แต่...งานที่จัดก็ไม่ค่อยจะตรงกับเดือนที่ตั้งชื่อเลย

 


หรือบนถนน "ออโต้บาร์น" ท่านสามารถขับรถเร็วเท่าไรก็ได้ที่ถนนสายนี้ และก็มักจะเป็นเส้นทางที่ทดสอบรถของเหล่านักซิ่งด้วย




 

ช่วงบ่า...เรามีเวลาให้ได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนาของยุโรปอย่างจุใจบนถนนแม็กซิมิเลี่ยน และย่านจัตุรัสการค้าต่างๆ




วันที่หก
ช่วงเช้า... เข้าไปศึกษาดูงานที่ "มหาวิทยาลัยมิวนิค" ตลอดช่วงเช้าเลย


 


ช่วงบ่าย ...ไปดูงาน "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง "แลงชู๊ต" ชื่อว่า E.ON Kernkraft GmbH Kernkraftwerk Isar, Dammstraße, Essenbach, Deutschland


ช่วงค่ำ
.... รับประทานอาหาร

.... เดินทางกลับเมืองไทย โดยเที่ยวบินที่ TG 925 บินกลับสู่กรุงเทพฯ ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง


วันที่เจ็ด ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพทุกๆ ถึงประมาณ 13.40 น.


ต่อไปเชิญชมภาพการเตรียมตัวต่าง ๆ ครับ
เริ่มตั้งแต่ ทัวร์ Q-sene มาชี้แจงเรื่องวันเวลาเลย













ขอให้มีความสุขทุก ๆ คน...ขอรับ

จาก ....กระดิ่งทอง....