ช่วงวันที่ 29 มกราคม 2555 นาย..กระดิ่งทอง ได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายของท่านอาจารย์ ดร.สุธี อักษรกิติ์ ซึ่งท่านก็ได้เล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเสาอากาศวิทยุที่มีกำลังสามารถส่งสัญญาณตั้งแต่ "สวนจิตรลดาไปจนถึงเขาภูพิงศ์ราชนิเวศน์" ตั้งแต่ต้นปี พศ. 2517
นั่นคือ "เสาอากาศสุธี1" และตามมาด้วย "เสาอากาศสุธี2" แล้วเสาอากาศนี้ทำให้ใครกัน ทำให้ "ในหลวง" ของเราครับ
ซึ่งท่านก็จะ "ทรงงาน" ได้ตลอดเวลาและไม่ต้องเสียค่าบริการอื่นอีก โดยใช้ความรู้ความสามารถจากคนไทยที่มีอยู่นี่แหละ เพราะคนไทยก็ทำได้เช่นกัน
ซึ่งเสาอากาศสุธี 1 และ สุธี 2 นั้น ต่อมาได้รับเกียรติให้นำรูปไปตีพิมพ์บนแสตมป์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านอาจารย์ ดร.สุูธี อักษรกิติ์ เองด้วย
แน่นอนคนไทยมีอีกเยอะที่ทำอะไร ๆ ได้ดีมากแต่ไม่เปิดเผยให้ทราบ และมีอีกหลายคนที่ทำแล้วไม่หวังผลตอบแทน และยังต้องการเผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่ให้ฟรี ๆ อีก เพราะต้องการจะ "ตอบแทนแผ่นดินเกิด"
หลายคนที่ทำเช่นนี้ก็กล่าวเช่นกันว่า ที่ผมทำนั้นยัง "น้อยกว่าในหลวง" ที่ท่านทำให้กับประชาชนซะอีกแบบเทียบกันไม่ได้เลย
ซึ่งถ้าท่านเห็นในหลวงเราไปหนแห่งใดก็มักจะเห็นวิทยุอยู่ข้างพระองค์ท่านตลอด วิทยุที่ในหลวงถืออยู่ในมือนั้น ท่านก็แก้ไขเอง ซ่อมเอง ปรับปรุงเอง และให้คนที่มีความรู้ช่วยแนะนำด้วย (เพราะเราไม่ได้เก่งทุกอย่างไง)
จะเห็นว่าไม่ว่าในหลวงเราจะไปไหนก็จะพกพาวิทยุไปด้วยเสมอ พร้อมกับกล้องถ่ายรูปน้อยสุดคือ 1 ตัว บางครั้งมี 2 ตัวเลย และ "แผนที่" อีก 1 ฉบับใหญ่ ๆ
...ซึ่งแผนที่ที่ในหลวงท่านถือไปนั้น ท่านได้ทำขึ้นมาใช้งานเอง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผืนแผ่นดินนี้ท่านไปสำรวจและพัฒนาจนได้โครงการพระราชดำริกว่า 10,000 โครงการ อยู่ทั่วประเทศไทยแล้ว
โครงการที่รู้จักและมีคนท่องเที่ยวมาก ๆ ก็เ่ช่น โครงการหลวงดอยอ่างขาง อยู่ที่จังหวัดเชียงราย โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อครั้งก่อนนั้นชาวดอยจะปลูกฝิ่นและกัญชา ซึ่งถือได้ว่าเป็น "สารเสพติด"
แต่คนทำไม่รู้หรอกว่าทำอะไรได้บ้าง ในหลวงท่านก็เข้าไปเปลี่ยนวิถีการปลูกใหม่โดยให้ปลูกผักและส่งเสริมสิ่งทีี่มีคุณค่าอื่น ๆ ที่ชาวโลกยอมรับ
และเมื่อหลายปีก่อนท่านก็ได้รับฟังความทุกข์ร้อนของตำรวจจราจรในกรุงเทพฯ ทางวิทยุ....
ยิ่งในหลวงเราออกไปเยี่ยมราษฎรยังชนบทที่ห่างไกลนั้นต้องใช้การติดต่อกับพระสหายตลอด
สิ่งหนึ่งที่กระผมทราบคือ "ในหลวงท่านรู้จักภาษาอินเดียซึ่งเป็นภาษาที่ตายแล้ว" (ไม่ได้ใช้สื่อสารกันแล้ว) เป็นเรื่องที่ประหลาดใจยิ่งนักครับ
กลับมาที่เรื่องของ ท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ท่านจบจากประเทศสหรัฐอเมริกา ด๊อกเตอร์เกี่ยวกับเรื่องวิทยุและการบิน
ปัจจุบันท่านตำรงตำแหน่งประธานอำนวยการหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการบิน มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ดร.สุูธี ท่านเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังนั่นคือ "ไอสไตร์" นั่นเอง
ก่อนที่จะสร้างเสาวิทยุจนสำเร็จนั้นมีเรื่องเล่ามากมายครับ เช่น ก่อนที่จะจบด๊อกเตอร์นั้นท่านจะต้องนำเสนองานวิจัยก่อนจบ
ช่วงที่กำลังเสนองานวิจัยก่อนจบนั้น ท่านใช้เวลาสอบเพียงแค่ 5 นาที ปกติหลาย ๆ ท่านจะใช้เวลาประมาณคนละ 30 นาที
โดยในห้องที่ท่านอาจารย์ ดร.สุธี สอบอยู่นั้นจะมี ปรมาจารย์ ดักลัส ซี. มอนโกเมอรี่ นั่งฟัง (ท่าน..มอนโกเมอรี่ นี้จะไม่ค่อยไปนั่งฟังใคร นอกจากสนใจจริง ๆ หนังสือที่ระดับสูง ๆ ทั่วโลกและในอเมริกา คนนี้แหละเขียนให้เรียน)
ท่านอาจารย์สุธี...ถึงกับใจเสีย แต่...หลังจากนั้นท่านอาจารย์ทั้งหลายก็เข้ามาร่วมความยินดี พร้อมทั้งพูดว่า ...คุณควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้วนะ........
เรื่องสำคัญของท่านอาจารย์ ดร.สุธี นั้นคือ ท่านได้ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท ของท่านเอง สร้างเครื่องบินไร้คนขับ
ซึ่งเครื่องบินแบบนี้ประเทศอิสราเอล นำเสนอขายให้กับกองทัพอากาศของไทยเราราคาเีครื่องละ 26 ล้านบาท
ท่านอาจารย์บอกว่า ให้กับคนไทยขอแค่ลำละ 1 ล้านบาทพอ เพื่อจะได้พัฒนาเครื่องบินต่อ เมื่อน้ำ "ท่วมไทยปี 2554" นั้นท่านก็นำเครื่องบินไปสำรวจ รวมทั้งกรณีที่ "ฆ่าช้างนั่งยาง" ด้วย
ความยากของนัักศึกษาคนที่ทำเครื่องบินไร้คนขับนั่นคือ ต้องบินไปและต้องบินกลับที่เดิม และบังคับให้ทำงานได้ทั้งหมด และนั่งควบคุมกับอาจารย์ที่ห้องทดสอบ
ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมดไม่ว่าเงื่อนไขใด คือ...ไม่จบปริญญาโทนี้ทั้งนั้น ...สำเร็จมากว่าสองปีแล้วครับ แล้วจะทำอย่างไรต่อดี..
ในการร่วมฟังครั้งนั้นก็มี คุณเบริ์ด, คุณเอ๋, และนาย..กระดิ่งทอง พร้อมกับนักศึกษารุ่นอื่น ๆ อีกด้วย เพราะเวลาเราเหลือเฟือ
และอยากจะฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินจากคนที่มีประสบการณ์สูง ๆ
ในความรู้ครั้งนั้น กระดิ่งทองก็ได้รับ "ความรู้ด้านดาราศาสตร์" และ "ด้านวิทยาศาสตร์" เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย รวมทั้งรู้ว่าการดำเนินงานของรัฐบาลนั้นคิดอะไรอยู่
เรามาฟัง "พี่เอ๋" ของเรากล่าวอะไร ๆ ก่อนที่จะไปรับฟังท่านอาจารย์ ดร.สุธี บรรยายให้ฟังดีกว่าครัีบ....
จากนั้นเรามาฟังท่านอาจารย์ ดร.สุธี บรรยาย มีทั้งหมด 6 ตอน ครับ เรื่องสำคัญ ๆ อยู่ในนี้หมด.. เริ่มกันด้วยตอนที่ 1 กันเลย
ต่อกันตอนที่สองได้เลย
ต่อกันตอนที่สาม...เลยนะ
ต่อกันด้วย ตอนที่สี่
ต่อกันอีก ด้วยตอนที่ห้า
อ้า.....ตอนที่หก จนได้ ชมกันต่อ
เมื่อฟังหัวข้อบรรยายดี ๆ แล้ว เรามาฟังเรื่องอื่น ๆ บ้าง เริ่มด้วย เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. ปี 2554 ก่อนละกัน...มีอะไรที่แอบแฝงบ้าง
ต่อไปก็เป็นเรื่องการ "เล่าสู่กันฟัง" ต่อไป...ขอรับ
ตอนนี้สำคัญอีก เป็นการแนะนำเรื่องเกี่ยวกับน้ำของในหลวงท่าน ซึ่งแนะนำไว้เมื่อปี พศ. 2538 เชิญสดับรับฟังแนวความคิดกันครับ
เป็นรายการของคุณชิบ จิตนิยม นำเสนอเรื่องราวของ ดร.สุธี ไว้ มีสองตอน เริ่มตอนแรกเลยครับ
ต่อกันตอนที่สองเลย ซึ่งเป็น เรื่องราวที่ประทับใจ มาก
ขอให้ท่าน "ทำในสิ่งที่ดี" และ "ตอบแทนคุณของประเทศ" เมื่อเวลาเหมาะสม....ขอรับ
จาก....กระดิ่งทอง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเสาอากาศวิทยุที่มีกำลังสามารถส่งสัญญาณตั้งแต่ "สวนจิตรลดาไปจนถึงเขาภูพิงศ์ราชนิเวศน์" ตั้งแต่ต้นปี พศ. 2517
นั่นคือ "เสาอากาศสุธี1" และตามมาด้วย "เสาอากาศสุธี2" แล้วเสาอากาศนี้ทำให้ใครกัน ทำให้ "ในหลวง" ของเราครับ
ซึ่งท่านก็จะ "ทรงงาน" ได้ตลอดเวลาและไม่ต้องเสียค่าบริการอื่นอีก โดยใช้ความรู้ความสามารถจากคนไทยที่มีอยู่นี่แหละ เพราะคนไทยก็ทำได้เช่นกัน
ซึ่งเสาอากาศสุธี 1 และ สุธี 2 นั้น ต่อมาได้รับเกียรติให้นำรูปไปตีพิมพ์บนแสตมป์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านอาจารย์ ดร.สุูธี อักษรกิติ์ เองด้วย
แน่นอนคนไทยมีอีกเยอะที่ทำอะไร ๆ ได้ดีมากแต่ไม่เปิดเผยให้ทราบ และมีอีกหลายคนที่ทำแล้วไม่หวังผลตอบแทน และยังต้องการเผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่ให้ฟรี ๆ อีก เพราะต้องการจะ "ตอบแทนแผ่นดินเกิด"
หลายคนที่ทำเช่นนี้ก็กล่าวเช่นกันว่า ที่ผมทำนั้นยัง "น้อยกว่าในหลวง" ที่ท่านทำให้กับประชาชนซะอีกแบบเทียบกันไม่ได้เลย
ซึ่งถ้าท่านเห็นในหลวงเราไปหนแห่งใดก็มักจะเห็นวิทยุอยู่ข้างพระองค์ท่านตลอด วิทยุที่ในหลวงถืออยู่ในมือนั้น ท่านก็แก้ไขเอง ซ่อมเอง ปรับปรุงเอง และให้คนที่มีความรู้ช่วยแนะนำด้วย (เพราะเราไม่ได้เก่งทุกอย่างไง)
จะเห็นว่าไม่ว่าในหลวงเราจะไปไหนก็จะพกพาวิทยุไปด้วยเสมอ พร้อมกับกล้องถ่ายรูปน้อยสุดคือ 1 ตัว บางครั้งมี 2 ตัวเลย และ "แผนที่" อีก 1 ฉบับใหญ่ ๆ
...ซึ่งแผนที่ที่ในหลวงท่านถือไปนั้น ท่านได้ทำขึ้นมาใช้งานเอง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผืนแผ่นดินนี้ท่านไปสำรวจและพัฒนาจนได้โครงการพระราชดำริกว่า 10,000 โครงการ อยู่ทั่วประเทศไทยแล้ว
โครงการที่รู้จักและมีคนท่องเที่ยวมาก ๆ ก็เ่ช่น โครงการหลวงดอยอ่างขาง อยู่ที่จังหวัดเชียงราย โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อครั้งก่อนนั้นชาวดอยจะปลูกฝิ่นและกัญชา ซึ่งถือได้ว่าเป็น "สารเสพติด"
แต่คนทำไม่รู้หรอกว่าทำอะไรได้บ้าง ในหลวงท่านก็เข้าไปเปลี่ยนวิถีการปลูกใหม่โดยให้ปลูกผักและส่งเสริมสิ่งทีี่มีคุณค่าอื่น ๆ ที่ชาวโลกยอมรับ
ทุก ๆ ครั้งที่ได้ไปก็พัฒนาและนำรูปภาพที่ถ่ายไว้กลับมาวิเคราะห์และหาหนทางช่วยเหลือและพัฒนาประชาชนของท่านให้อยู่ดีกินดีและช่วยเหลือตัวเองในทางที่ถูกต้องให้ดีขึ้น
และเมื่อหลายปีก่อนท่านก็ได้รับฟังความทุกข์ร้อนของตำรวจจราจรในกรุงเทพฯ ทางวิทยุ....
จนท่านต้องพระราชทานตู้เย็นให้ และมีอีกหลายเรื่องมากครับที่วิทยุและเสาวิทยุได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์
ยิ่งในหลวงเราออกไปเยี่ยมราษฎรยังชนบทที่ห่างไกลนั้นต้องใช้การติดต่อกับพระสหายตลอด
สิ่งหนึ่งที่กระผมทราบคือ "ในหลวงท่านรู้จักภาษาอินเดียซึ่งเป็นภาษาที่ตายแล้ว" (ไม่ได้ใช้สื่อสารกันแล้ว) เป็นเรื่องที่ประหลาดใจยิ่งนักครับ
กลับมาที่เรื่องของ ท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ท่านจบจากประเทศสหรัฐอเมริกา ด๊อกเตอร์เกี่ยวกับเรื่องวิทยุและการบิน
ปัจจุบันท่านตำรงตำแหน่งประธานอำนวยการหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการบิน มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ดร.สุูธี ท่านเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังนั่นคือ "ไอสไตร์" นั่นเอง
ก่อนที่จะสร้างเสาวิทยุจนสำเร็จนั้นมีเรื่องเล่ามากมายครับ เช่น ก่อนที่จะจบด๊อกเตอร์นั้นท่านจะต้องนำเสนองานวิจัยก่อนจบ
ช่วงที่กำลังเสนองานวิจัยก่อนจบนั้น ท่านใช้เวลาสอบเพียงแค่ 5 นาที ปกติหลาย ๆ ท่านจะใช้เวลาประมาณคนละ 30 นาที
ท่านอาจารย์สุธีเสนองานวิจัยไปได้เพียง 5 นาที จากนั้นอาจารย์ก็เชิญท่านออกจากห้องสอบ
โดยในห้องที่ท่านอาจารย์ ดร.สุธี สอบอยู่นั้นจะมี ปรมาจารย์ ดักลัส ซี. มอนโกเมอรี่ นั่งฟัง (ท่าน..มอนโกเมอรี่ นี้จะไม่ค่อยไปนั่งฟังใคร นอกจากสนใจจริง ๆ หนังสือที่ระดับสูง ๆ ทั่วโลกและในอเมริกา คนนี้แหละเขียนให้เรียน)
ท่านอาจารย์สุธี...ถึงกับใจเสีย แต่...หลังจากนั้นท่านอาจารย์ทั้งหลายก็เข้ามาร่วมความยินดี พร้อมทั้งพูดว่า ...คุณควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้วนะ........
เรื่องสำคัญของท่านอาจารย์ ดร.สุธี นั้นคือ ท่านได้ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท ของท่านเอง สร้างเครื่องบินไร้คนขับ
ซึ่งเครื่องบินแบบนี้ประเทศอิสราเอล นำเสนอขายให้กับกองทัพอากาศของไทยเราราคาเีครื่องละ 26 ล้านบาท
ท่านอาจารย์บอกว่า ให้กับคนไทยขอแค่ลำละ 1 ล้านบาทพอ เพื่อจะได้พัฒนาเครื่องบินต่อ เมื่อน้ำ "ท่วมไทยปี 2554" นั้นท่านก็นำเครื่องบินไปสำรวจ รวมทั้งกรณีที่ "ฆ่าช้างนั่งยาง" ด้วย
ความยากของนัักศึกษาคนที่ทำเครื่องบินไร้คนขับนั่นคือ ต้องบินไปและต้องบินกลับที่เดิม และบังคับให้ทำงานได้ทั้งหมด และนั่งควบคุมกับอาจารย์ที่ห้องทดสอบ
ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมดไม่ว่าเงื่อนไขใด คือ...ไม่จบปริญญาโทนี้ทั้งนั้น ...สำเร็จมากว่าสองปีแล้วครับ แล้วจะทำอย่างไรต่อดี..
ในการร่วมฟังครั้งนั้นก็มี คุณเบริ์ด, คุณเอ๋, และนาย..กระดิ่งทอง พร้อมกับนักศึกษารุ่นอื่น ๆ อีกด้วย เพราะเวลาเราเหลือเฟือ
และอยากจะฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินจากคนที่มีประสบการณ์สูง ๆ
ในความรู้ครั้งนั้น กระดิ่งทองก็ได้รับ "ความรู้ด้านดาราศาสตร์" และ "ด้านวิทยาศาสตร์" เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย รวมทั้งรู้ว่าการดำเนินงานของรัฐบาลนั้นคิดอะไรอยู่
เรามาฟัง "พี่เอ๋" ของเรากล่าวอะไร ๆ ก่อนที่จะไปรับฟังท่านอาจารย์ ดร.สุธี บรรยายให้ฟังดีกว่าครัีบ....
จากนั้นเรามาฟังท่านอาจารย์ ดร.สุธี บรรยาย มีทั้งหมด 6 ตอน ครับ เรื่องสำคัญ ๆ อยู่ในนี้หมด.. เริ่มกันด้วยตอนที่ 1 กันเลย
ต่อกันตอนที่สองได้เลย
ต่อกันตอนที่สาม...เลยนะ
ต่อกันด้วย ตอนที่สี่
ต่อกันอีก ด้วยตอนที่ห้า
อ้า.....ตอนที่หก จนได้ ชมกันต่อ
เมื่อฟังหัวข้อบรรยายดี ๆ แล้ว เรามาฟังเรื่องอื่น ๆ บ้าง เริ่มด้วย เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. ปี 2554 ก่อนละกัน...มีอะไรที่แอบแฝงบ้าง
ต่อไปก็เป็นเรื่องการ "เล่าสู่กันฟัง" ต่อไป...ขอรับ
ตอนนี้สำคัญอีก เป็นการแนะนำเรื่องเกี่ยวกับน้ำของในหลวงท่าน ซึ่งแนะนำไว้เมื่อปี พศ. 2538 เชิญสดับรับฟังแนวความคิดกันครับ
เป็นรายการของคุณชิบ จิตนิยม นำเสนอเรื่องราวของ ดร.สุธี ไว้ มีสองตอน เริ่มตอนแรกเลยครับ
ต่อกันตอนที่สองเลย ซึ่งเป็น เรื่องราวที่ประทับใจ มาก
ขอให้ท่าน "ทำในสิ่งที่ดี" และ "ตอบแทนคุณของประเทศ" เมื่อเวลาเหมาะสม....ขอรับ
จาก....กระดิ่งทอง