การท่องเที่ยวที่สนุกสนานของครอบครัว "อยู่เย็น" ของปี 2554 นั้น ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2554 จนถึง 01 พฤษภาคม 2554
สถานที่ที่ได้เลือกไปนั้นคือ จังหวัดภูเก็ต เราใช้วิธี "ขับรถยนต์" ไปเอง เราเลือกเวลาเดินทางตอนประมาณหนึ่งทุ่มเพื่อจะให้สว่างก่อนเข้าภูเก็ต
เมื่อรวมเวลาสำหรับการเดินทางแล้ว 13 ชั่วโมง (หย่อนนิด ๆ) ใช้รถยนต์เพื่อเดินทางจำนวน 2 คันด้วยกัน
ขณะเดินทางก็มีอุปสรรคบ้าง ทั้งยางรถ "แตก" และยางรถ "บวม" ยังดีว่าช่วงนั้นขับรถยังไม่เร็ว ช่วงที่ยางรถแตกนั้นประมาณช่วงเวลา 02:00 นาฺฺฬิกา หรือตีสอง จากนั้นเปลี่ยนยางเสร็จสรรพประมาณเวลา 09:07 น. ยางที่เปลี่ยนก็บวมอีก
ฉะนั้น...เราจึงได้ใช้สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง นั่นคือ สายตรวจทุ่งสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ละแม จ.ชุมพร
กลุ่มของเราต้องขอ "ขอบคุณ" ท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก ๆ ท่านไว้ ณ. ที่นี้เป็นอย่างยิ่ง ที่ให้การต้อนรับ ชวนทานกาแฟ , และพักผ่อนก่อนสักครู่ แล้วจึงค่อยเดินทางไปต่อ (่ท่านแนะนำ)
เราก็พูดคุยกับท่านอยู่เป็นเวลานาน เพราะต้องพักเหนื่อยไปด้วย และท่านก็ได้แนะนำสถานที่เพื่อเปลี่ยนยางด้วย ซึ่งเราก็ได้ดูในระบบนำทางแล้ว หรือที่เรียกว่า gps ...แต่...ระบบนั้นก็บอกว่า อีกตั้ง 20 กม. ย้อนหลัง นั่นคือใกล้สุด ถ้าเดินหน้าต่อ ก็ประมาณ 30 กม. เราจึงเลือกเดินทางไปด้านหน้าต่อ
(ภาพเคลื่อนไหวขณะเปลี่ยนยางรถ..เส้นที่สอง)
เมื่อย่างก้าว..เข้าใกล้สู่เมืองภูเก็ต กลุ่มเราก็เข้าไปนมัสการ "พระทอง" หรือ "พระผุด" สถานที่ตั้งของวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ เข้าไปในซอยอีกซักประมาณ 300 เมตร
โดยวัดพระทองแห่งนี้จะอยู่ก่อนถึงอนุสาวรีย์ท้าวสุระนารีและท้าวศรีสุนทร ขณะวิ่งรถก็ต้องชลอ ๆ หน่อย เพราะถ้าวิ่งเร็วก็จะเลยซะง่าย ๆ
สถานที่วัดพระทอง..มีประวัติเล่าลือมานาน และเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรเล่าสู่กันฟังกับทุก ๆ คนของจังหวัดภูเก็ตอีกเรื่องที่น่าสนใจ
บริเวณวัดนั้น จอดรถได้หลายคัน และมีสิ่งที่ประทับใจกับผู้มาเยี่ยมชมอย่างมากมาย สถานที่นี้ในหลวง ร.๖ ท่านได้เสด็จมาเยี่ยมแล้วด้วย
สำหรับท่านที่มาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต วัดแห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งที่ควรเข้ามาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
และมีวัตถุอีกชนิดหนึ่งที่เราได้ไปพบเจอ นั่นก็คือ รถกระบะเปอร์โย รถยี่ห้อนี้หยุดจำหน่ายจากเมืองไทยนานแล้ว หลัง ๆ นี้จะนำมาจำหน่ายเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือ รถเก๋ง นั่นเอง
สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นก็อาจจะคิดว่าเป็นของแปลก จากสภาพแสดงว่าเคยทำเป็นรถโดยสารในจังหวัดภูเก็ตมาก่อน
ภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทย พื้นที่เป็นที่ราบและภูเขา อยู่ฝั่งทะเลอันดามัน ด้านทิศใต้ของประเทศไทย
มีชายหาดที่สวยงามอยู่หลายแห่ง ดังเช่น หาดทรายแก้ว หาดไม้ขาว หาดในยาง หาดในทอน หาดบางเทา หาดกมลา หาดป่าตอง หาดกะรน หาดกะตะ หาดในหาน
แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือ หาดป่าตอง หาดป่าตองจะมีแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนเยอะมาก อาทิเช่น บาร์เบียร์ ผับ แหล่งชอบปิ้งต่างๆ นักท่องเที่ยวมีทั้งฝรั่ง จีน ไต้หวัน ฯลฯ
ต่อกันด้วยช่วงที่ ๒
สถานที่ที่ได้เลือกไปนั้นคือ จังหวัดภูเก็ต เราใช้วิธี "ขับรถยนต์" ไปเอง เราเลือกเวลาเดินทางตอนประมาณหนึ่งทุ่มเพื่อจะให้สว่างก่อนเข้าภูเก็ต
เมื่อรวมเวลาสำหรับการเดินทางแล้ว 13 ชั่วโมง (หย่อนนิด ๆ) ใช้รถยนต์เพื่อเดินทางจำนวน 2 คันด้วยกัน
ขณะเดินทางก็มีอุปสรรคบ้าง ทั้งยางรถ "แตก" และยางรถ "บวม" ยังดีว่าช่วงนั้นขับรถยังไม่เร็ว ช่วงที่ยางรถแตกนั้นประมาณช่วงเวลา 02:00 นาฺฺฬิกา หรือตีสอง จากนั้นเปลี่ยนยางเสร็จสรรพประมาณเวลา 09:07 น. ยางที่เปลี่ยนก็บวมอีก
ฉะนั้น...เราจึงได้ใช้สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง นั่นคือ สายตรวจทุ่งสวรรค์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ละแม จ.ชุมพร
กลุ่มของเราต้องขอ "ขอบคุณ" ท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก ๆ ท่านไว้ ณ. ที่นี้เป็นอย่างยิ่ง ที่ให้การต้อนรับ ชวนทานกาแฟ , และพักผ่อนก่อนสักครู่ แล้วจึงค่อยเดินทางไปต่อ (่ท่านแนะนำ)
เราก็พูดคุยกับท่านอยู่เป็นเวลานาน เพราะต้องพักเหนื่อยไปด้วย และท่านก็ได้แนะนำสถานที่เพื่อเปลี่ยนยางด้วย ซึ่งเราก็ได้ดูในระบบนำทางแล้ว หรือที่เรียกว่า gps ...แต่...ระบบนั้นก็บอกว่า อีกตั้ง 20 กม. ย้อนหลัง นั่นคือใกล้สุด ถ้าเดินหน้าต่อ ก็ประมาณ 30 กม. เราจึงเลือกเดินทางไปด้านหน้าต่อ
(ภาพเคลื่อนไหวขณะเปลี่ยนยางรถ..เส้นที่สอง)
เมื่อย่างก้าว..เข้าใกล้สู่เมืองภูเก็ต กลุ่มเราก็เข้าไปนมัสการ "พระทอง" หรือ "พระผุด" สถานที่ตั้งของวัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ เข้าไปในซอยอีกซักประมาณ 300 เมตร
โดยวัดพระทองแห่งนี้จะอยู่ก่อนถึงอนุสาวรีย์ท้าวสุระนารีและท้าวศรีสุนทร ขณะวิ่งรถก็ต้องชลอ ๆ หน่อย เพราะถ้าวิ่งเร็วก็จะเลยซะง่าย ๆ
สถานที่วัดพระทอง..มีประวัติเล่าลือมานาน และเป็นประวัติศาสตร์ที่ควรเล่าสู่กันฟังกับทุก ๆ คนของจังหวัดภูเก็ตอีกเรื่องที่น่าสนใจ
บริเวณวัดนั้น จอดรถได้หลายคัน และมีสิ่งที่ประทับใจกับผู้มาเยี่ยมชมอย่างมากมาย สถานที่นี้ในหลวง ร.๖ ท่านได้เสด็จมาเยี่ยมแล้วด้วย
สำหรับท่านที่มาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต วัดแห่งนี้เป็นสถานที่อีกแห่งที่ควรเข้ามาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
และมีวัตถุอีกชนิดหนึ่งที่เราได้ไปพบเจอ นั่นก็คือ รถกระบะเปอร์โย รถยี่ห้อนี้หยุดจำหน่ายจากเมืองไทยนานแล้ว หลัง ๆ นี้จะนำมาจำหน่ายเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือ รถเก๋ง นั่นเอง
สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นก็อาจจะคิดว่าเป็นของแปลก จากสภาพแสดงว่าเคยทำเป็นรถโดยสารในจังหวัดภูเก็ตมาก่อน
ภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทย พื้นที่เป็นที่ราบและภูเขา อยู่ฝั่งทะเลอันดามัน ด้านทิศใต้ของประเทศไทย
มีชายหาดที่สวยงามอยู่หลายแห่ง ดังเช่น หาดทรายแก้ว หาดไม้ขาว หาดในยาง หาดในทอน หาดบางเทา หาดกมลา หาดป่าตอง หาดกะรน หาดกะตะ หาดในหาน
แหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดคือ หาดป่าตอง หาดป่าตองจะมีแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนเยอะมาก อาทิเช่น บาร์เบียร์ ผับ แหล่งชอบปิ้งต่างๆ นักท่องเที่ยวมีทั้งฝรั่ง จีน ไต้หวัน ฯลฯ
เรามี "ญาติ" อยู่ที่ภูเก็ตด้วย ฉะนั้นเราจึงได้ที่พักที่บ้าน "คุณอา" เป็นที่พูดคุยสนทนา และพักผ่อน ...ในบริเวณนั้นก็มีเรื่องเล่าให้ประทับใจอีกแล้ว
จากนั้นเข้าสู่สถานที่สำคัญอีกแห่งคือ "แหลมพรหมเทพ" แหลมพรหมเทพแห่งนี้ใช้บอกเวลาพระอาทิตย์ตกดินของประเ่ทศไทย เช่น...จะบอกว่า พระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพเวลา 18.33 น.
เมื่อ พ.ศ. 2539 สถานที่แห่งนี้ยังปล่อยเป็นแบบธรรมชาติ คือเป็น "ดิน" ส่วนใหญ่ ร้านรวงที่ขายสิ่งของไม่เยอะ แต่ 28 เมษายน 2554 ได้ "รุ่งเรือง" ไปเยอะมาก
ครั้งนี้เราเดินลงไปสู่ด้านล่างด้วย ถึงแม้เรายืนมองจากด้านบนจะคล้ายว่าใกล้ แต่พอเดินจริง ๆ ระยะทางก็ไกลเช่นกัน
วันรุ่งขึ้นเราออกไป "ท่องเที่ยวทะเลภูเก็ต" โดยใช้บริการ "ทัวร์คนภูเก็ต" ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของชาวภูเก็ตเอง
โดยเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นโดยตรง ไม่ต้องแย่งกัน มีการจัดการที่ดี
การจัดการแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งเป็นการจัดการจากกลุ่มเล็ก ๆ กระจายไปสู่กลุ่มใหญ่ เป็นการลดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้เหลือน้อยที่สุด
รายได้ที่มีมากและง่ายจากการท่องเที่ยวของจังหวัดนั้น ทำให้ "อาชีพปลูกยาง,กรีดยาง" น้อยลง
เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับต้น ๆ ของเมืองไทย จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการประกอบอาชีพไปตามการเวลา
สถานที่่ท่องเที่ยวก็มี "ถ้ำ" เื่มื่อถึงสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็จะลงไปนั่ง "เรือแคนนู" เข้าไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ
เราก็นั่งเฉย ๆ แหละ เพราะว่าพายไม่เป็น โดยคนที่พาท่องเที่ยวจะชำนาญมากกว่าเรา
วันนั้นนักท่องเที่ยวก็มีมาก และแย่งกันเข้าไปชมยังสถานที่ภายใน ซึ่งทำให้ไม่เป็นระเบียบบ้าง แต่ทุกอย่างก็จบไปได้ด้วยดี
ท่องเที่ยวไปหลา่ยเกาะด้วยกัน การบริการถือได้ว่า "ดีมาก" และ "ประทับใจ" คนที่พาท่องเที่ยวก็บริการดี พร้อมที่จะให้บริการ อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฟังจนทราบเกือบจะทุกเรื่อง
เกาะใหญ่ ๆ และสำคัญแต่ก็อยู่ไกล นั่นคือ "เกาะราชา" เรานั่งเรือเร็วไปก็ประมาณ 30 นาที จากเกาะเฮ เรือก็กระแทกน่าดู
เรานั่งอยู่หัวเรือ ต้องเสียวและส่งเสียงลั่นขณะนั่งเรือไปด้วย คล้ายไปเล่นที่สวนสนุกก็ไม่ปาน
การลอยน้ำดูปะการังน้ำตื้นนั้น เป็นเรื่องที่ "ตื่นเต้น" และ "สนุกสนาน" มาก เพราะหลายคนของกลุ่มเราเองก็ไม่เคยไ้ด้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้
ปะการังที่กำลังชมก็สวยมาก เพราะแสงแดดดี แต่ก็แฝงไปด้วยความร้อน ต้องแลกกันแน่ล่ะ ถ้าไม่มีแดด การมองเห็นปะการังในน้ำก็จะไม่เปล่งปลั่งเท่่าที่ควร
ไปท่องเที่ยวแต่ละที่นั้นก็มักจะมี "เรื่องเล่าสู่กันฟัง" ในขณะที่ลอยน้ำดูปะการังนั้น มีบางคน "สำลักน้ำ" เพราะว่าอมท่อหายใจไม่ถูกทาง จึงทำให้ขณะหายใจมีน้ำเข้าไปในปากด้วย นั่นคือ "ตึง...ครับผม"
ตึง..นั้นคนไหนเหรอ ก็คนซ้ายมือใส่แ่ว่นดำนั่นแหละฮะ
คน ๆ นี้มี "ดีกรี" เป็นถึงนักเรียนนอกนะครับ ไปเีรียนที่ญี่ปุ่น เท่าที่สอบถามนั้น
สมัยไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ไม่่ได้ไปฝึกว่ายน้ำหรือเล่นน้ำทะเลหรอก ก็น้ำมันเย็นขนาดนั้นจะไปเล่นได้อย่างไร "กินเบียร์ดีฝ่า"
อาจจะเป็นสิ่งที่จะต้องจดจำสักนิด สิ่งใดที่เราไม่เคยปฏิบัติ ก็ควรจะ "ถาม" คนอื่นที่คิดว่าเขามีประสบการณ์เรื่องนั้นสักหน่อย จะได้ไม่ต้อง "ค้นพบ" ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำเร็วและไม่ต้องเสียเวลาค้นหาด้วย
จังหวัดภูเก็ตมี "พระใหญ่" ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเขาที่สูงและเด่นมาก คล้ายของประเทศฮ่องกง แต่ถนนที่จะขึ้นไปสู่ด้านบนมีป้ายบอกทางไม่ค่อยชัดเจน
จากนั้นเข้าสู่สถานที่สำคัญอีกแห่งคือ "แหลมพรหมเทพ" แหลมพรหมเทพแห่งนี้ใช้บอกเวลาพระอาทิตย์ตกดินของประเ่ทศไทย เช่น...จะบอกว่า พระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพเวลา 18.33 น.
เมื่อ พ.ศ. 2539 สถานที่แห่งนี้ยังปล่อยเป็นแบบธรรมชาติ คือเป็น "ดิน" ส่วนใหญ่ ร้านรวงที่ขายสิ่งของไม่เยอะ แต่ 28 เมษายน 2554 ได้ "รุ่งเรือง" ไปเยอะมาก
ครั้งนี้เราเดินลงไปสู่ด้านล่างด้วย ถึงแม้เรายืนมองจากด้านบนจะคล้ายว่าใกล้ แต่พอเดินจริง ๆ ระยะทางก็ไกลเช่นกัน
วันรุ่งขึ้นเราออกไป "ท่องเที่ยวทะเลภูเก็ต" โดยใช้บริการ "ทัวร์คนภูเก็ต" ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของชาวภูเก็ตเอง
โดยเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นโดยตรง ไม่ต้องแย่งกัน มีการจัดการที่ดี
การจัดการแบบนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งเป็นการจัดการจากกลุ่มเล็ก ๆ กระจายไปสู่กลุ่มใหญ่ เป็นการลดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้เหลือน้อยที่สุด
รายได้ที่มีมากและง่ายจากการท่องเที่ยวของจังหวัดนั้น ทำให้ "อาชีพปลูกยาง,กรีดยาง" น้อยลง
เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับต้น ๆ ของเมืองไทย จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการประกอบอาชีพไปตามการเวลา
สถานที่่ท่องเที่ยวก็มี "ถ้ำ" เื่มื่อถึงสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็จะลงไปนั่ง "เรือแคนนู" เข้าไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ
เราก็นั่งเฉย ๆ แหละ เพราะว่าพายไม่เป็น โดยคนที่พาท่องเที่ยวจะชำนาญมากกว่าเรา
วันนั้นนักท่องเที่ยวก็มีมาก และแย่งกันเข้าไปชมยังสถานที่ภายใน ซึ่งทำให้ไม่เป็นระเบียบบ้าง แต่ทุกอย่างก็จบไปได้ด้วยดี
ท่องเที่ยวไปหลา่ยเกาะด้วยกัน การบริการถือได้ว่า "ดีมาก" และ "ประทับใจ" คนที่พาท่องเที่ยวก็บริการดี พร้อมที่จะให้บริการ อธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฟังจนทราบเกือบจะทุกเรื่อง
เกาะใหญ่ ๆ และสำคัญแต่ก็อยู่ไกล นั่นคือ "เกาะราชา" เรานั่งเรือเร็วไปก็ประมาณ 30 นาที จากเกาะเฮ เรือก็กระแทกน่าดู
เรานั่งอยู่หัวเรือ ต้องเสียวและส่งเสียงลั่นขณะนั่งเรือไปด้วย คล้ายไปเล่นที่สวนสนุกก็ไม่ปาน
การลอยน้ำดูปะการังน้ำตื้นนั้น เป็นเรื่องที่ "ตื่นเต้น" และ "สนุกสนาน" มาก เพราะหลายคนของกลุ่มเราเองก็ไม่เคยไ้ด้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้
ปะการังที่กำลังชมก็สวยมาก เพราะแสงแดดดี แต่ก็แฝงไปด้วยความร้อน ต้องแลกกันแน่ล่ะ ถ้าไม่มีแดด การมองเห็นปะการังในน้ำก็จะไม่เปล่งปลั่งเท่่าที่ควร
ไปท่องเที่ยวแต่ละที่นั้นก็มักจะมี "เรื่องเล่าสู่กันฟัง" ในขณะที่ลอยน้ำดูปะการังนั้น มีบางคน "สำลักน้ำ" เพราะว่าอมท่อหายใจไม่ถูกทาง จึงทำให้ขณะหายใจมีน้ำเข้าไปในปากด้วย นั่นคือ "ตึง...ครับผม"
ตึง..นั้นคนไหนเหรอ ก็คนซ้ายมือใส่แ่ว่นดำนั่นแหละฮะ
คน ๆ นี้มี "ดีกรี" เป็นถึงนักเรียนนอกนะครับ ไปเีรียนที่ญี่ปุ่น เท่าที่สอบถามนั้น
สมัยไปเรียนที่ญี่ปุ่นก็ไม่่ได้ไปฝึกว่ายน้ำหรือเล่นน้ำทะเลหรอก ก็น้ำมันเย็นขนาดนั้นจะไปเล่นได้อย่างไร "กินเบียร์ดีฝ่า"
อาจจะเป็นสิ่งที่จะต้องจดจำสักนิด สิ่งใดที่เราไม่เคยปฏิบัติ ก็ควรจะ "ถาม" คนอื่นที่คิดว่าเขามีประสบการณ์เรื่องนั้นสักหน่อย จะได้ไม่ต้อง "ค้นพบ" ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำเร็วและไม่ต้องเสียเวลาค้นหาด้วย
จังหวัดภูเก็ตมี "พระใหญ่" ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเขาที่สูงและเด่นมาก คล้ายของประเทศฮ่องกง แต่ถนนที่จะขึ้นไปสู่ด้านบนมีป้ายบอกทางไม่ค่อยชัดเจน
ป้ายที่บอกทางไปหาพระใหญ่ก็มีไม่มาก นี่ผมเป็นคนไทยเองยังลังเลกับทิศทางที่จะไปเลย ยังดีที่มี "ระบบนำทาง" พาไป ไม่งั้นก็คงไม่ได้เห็นภาพสวย ๆ บนเขาพระใหญ่แน่
ด้านบน ณ. สถานที่พระใหญ่จะมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศาของเมืองภูเก็ตเลย ยิ่งยามค่ำคืนเมื่อมีแสงไฟแล้วยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก ยิ่งดูก็ยิ่งเพลิดเพลินใจ สบายอุรา
ถ้าได้ "เบียร์" สักกระป๋องนะคุณเอ๊ย...ย go so big หรือแปลเป็นไทยว่า "ไปกันใหญ่" คำกล่าวนี้ผมได้มาจาก "พี่เิบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย ครับ (ก็เรียกพี่เบิร์ดตลอดแหละคนนี้ ...แก่ไม่เป็น เพราะไม่มีใครเรียก "ลุงเบิร์ด" เลย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะอายุ 54 ปี แล้วก็ตาม นับถึงวันที่ 10 มิถนายน 2555)
"งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา" ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อท่องเที่ยวกันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ถึงวันต้องเดินทางกลับ
เราได้ความประทับกับสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทยที่มีมาก และสวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่...ยัง ...งง...อยู่ว่า รายได้มากที่สุดและคนที่ท่องเที่่ยวมากที่สุดกลับไม่ใช่ประเทศไทย เป็นประเทศสิงคโปร์ไปซะได้
ท้ายสุด...ต้องขอขอบพระคุณ "อานู" และครอบครัวเป็นอย่างสูงที่้ได้เอื้อเฟื้อสถานที่พักและนำท่องเที่ยวสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดภูเก็ต
โอกาสหน้าถ้าครอบครัวคุณอาได้มาท่องเที่ยวยังจังหวัดระยอง กระผมและครอบครัว "ยินดี" พาท่องเที่ยวและต้อนรับครับ
ขอให้ครอบครัวคุณอาจงประสพโชคดีตลอดไปครับ.....จากครอบครัว "อยู่เย็น"
(ชมภาพครัวครอบ..คุณอานู..กันซักหน่อย)
ด้านบน ณ. สถานที่พระใหญ่จะมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศาของเมืองภูเก็ตเลย ยิ่งยามค่ำคืนเมื่อมีแสงไฟแล้วยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก ยิ่งดูก็ยิ่งเพลิดเพลินใจ สบายอุรา
ถ้าได้ "เบียร์" สักกระป๋องนะคุณเอ๊ย...ย go so big หรือแปลเป็นไทยว่า "ไปกันใหญ่" คำกล่าวนี้ผมได้มาจาก "พี่เิบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย ครับ (ก็เรียกพี่เบิร์ดตลอดแหละคนนี้ ...แก่ไม่เป็น เพราะไม่มีใครเรียก "ลุงเบิร์ด" เลย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะอายุ 54 ปี แล้วก็ตาม นับถึงวันที่ 10 มิถนายน 2555)
"งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา" ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อท่องเที่ยวกันเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ถึงวันต้องเดินทางกลับ
เราได้ความประทับกับสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทยที่มีมาก และสวยงามเป็นอย่างยิ่ง แต่...ยัง ...งง...อยู่ว่า รายได้มากที่สุดและคนที่ท่องเที่่ยวมากที่สุดกลับไม่ใช่ประเทศไทย เป็นประเทศสิงคโปร์ไปซะได้
ท้ายสุด...ต้องขอขอบพระคุณ "อานู" และครอบครัวเป็นอย่างสูงที่้ได้เอื้อเฟื้อสถานที่พักและนำท่องเที่ยวสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดภูเก็ต
โอกาสหน้าถ้าครอบครัวคุณอาได้มาท่องเที่ยวยังจังหวัดระยอง กระผมและครอบครัว "ยินดี" พาท่องเที่ยวและต้อนรับครับ
ขอให้ครอบครัวคุณอาจงประสพโชคดีตลอดไปครับ.....จากครอบครัว "อยู่เย็น"
(ชมภาพครัวครอบ..คุณอานู..กันซักหน่อย)
เป็นภาพที่ "ประทับใจ" สำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้ ..(ชมได้เลย)..
ต่อไปเป็น "ภาพเคลื่อนไหว" จากการท่องเที่ยวมีทั้งหมด 4 ตอน...ขอรับ....
ต่อกันด้วยช่วงที่ ๒
ช่วงที่ ๓
ต่อด้วยช่วงที่ ๔