ครั้งหนึ่ง ในชีวิตของ "ข้าน้อยเอง" เออ......ไม่ใช่ ๆ สิ ต้องของ "กระดิ่งทอง" หรือ "กระผมเอง" ได้ไปเยี่ยมชมต่างประเทศดินแดน "ดอกซากุระ" ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไปกันเป็น "ครอบครัวใหญ่" ครับ
ในรายละเอียดมีดังนี้ สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ เราได้วางโครงการล่วงหน้าแล้วประมาณ 2 ปี
เพื่อใช้ระยะเวลาในหยอดเงินลงกระปุกออมสิน เพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และอื่น ๆ เนื่องจากไปกันทั้งครอบครัว รวมทั้งคุณพ่อ คุณแม่ เลยต้องใช้งบประมาณกันเยอะหน่อยละงานนี้...
แต่ก็เอาน่า...เพื่อเป็นโบนัสชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว รวมทั้งคุณพ่อ คุณแม่ด้วย
สำหรับงบการท่องเที่ยวครั้งนี้คนละ 50,000 บาท/คน (รวมทุกอย่าง) ดังนั้น จึงมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ 320,000 บาท
การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก
- วันที่ 15 ตุลาคม 2551 เดินทางจากจังหวัดระยองไปทำ passport ที่เซ็นทรัลบางนา โดยใช้บัตรประชาชนตัวจริง ประกอบคำร้องขอทำ passport
- ต้นเดือนธันวาคมจองตั๋วเครื่องบิน ได้ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นของการบินไทย 19,900 บาท และแจ้งออกตั๋วเครื่องบินพร้อมจ่ายเงิน หลังจากที่ขอวีซ่าผ่านแล้ว
- วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 ยื่นคำร้องขอวีซ่าที่สถานทูตญี่ปุ่น และรับวีซ่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 ** ในการขอวีซ่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 60 ปี ไม่ต้องเดินทางไปเอง
คนอื่นสามารถยื่นขอแทนได้ **** เอกสารประกอบคำร้องขอ และขั้นตอนการขอวีซ่าท่านสามารถเข้าไปดูได้ตามนี้เลย ****
http://www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visa1.htm
**ถ้าไปเป็นกลุ่มให้ยื่นคำร้องพร้อมกันทีเดียวเลย ในกรณีของเรา เราดำเนินการยื่นคำร้องให้พ่อแม่ และลูกด้วย
เอกสารประกอบก็แนบเป็นรายบุคคลตามที่สถานทูตกำหนดได้ ยกเว้นทะเบียนบ้านตัวจริง ใบรับรองการทำงาน และ Statement ใช้ฉบับเดียวกัน สำหรับพ่อแม่ผมและภรรยาออกหนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประกอบด้วย
สำหรับคนที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไปไม่ต้องใช้ Statement แต่ถ้าเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่ายให้บุคคลอื่นต้องใช้ด้วย (กันพลาด)
สำหรับผมใช้ Statement ของภรรยาแนบประกอบ.....อิ อิ เพราะในบัญชีของ
ข้าพเจ้ามีเงินอยู่น้อยนิด แบบว่าฝากให้เจ้าหน้าที่ธนาคารส่วนตัวเป็นผู้บริหารจัดการหมดเลย อิ อิ**
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่เป็นอะไรที่จัดการยากมาก เพราะเห็นอะไร ๆ มันก็น่าซื้อไปซะหมด จึงทำให้ "เงินสด" ที่มีอยู่ในมือมีไม่ค่อยมากนัก
- หลังจากที่วีซ่าผ่านก็จองบ้านพัก - ก่อนเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ได้จัดเตรียมกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งอุปกรณ์ที่ต้องใช้
การเตรียมเสื้อผ้า สำหรับเที่ยวเมืองหนาวนั้นไม่ต้องเตรียมเยอะให้หนักกระเป๋า ชุดหนึ่งใช่ซ้ำได้หลายวัน เพราะอากาศเย็นเดินเที่ยวทั้งวันยังไม่มีเหงื่อเลย
เสื้อผ้าก็ไม่เลอะเพราะไม่มีฝุ่น..... ผมนะใส่เสื้อผ้าข้างในซ้ำกันตั้ง 3-4 วันแน่ะ.... ถ้าคนไหนชอบแฟชั่นหน่อย ก็เปลี่ยนเฉพาะเสื้อโค๊ตตัวนอก ก็พอแล้ว......ส่วนผมตัวเดิมเลย 11 วัน.....555555...
อุปกรณ์กันหนาว
- เสื้อสำหรับใส่ด้านใน สเวสเตอร์ และเสื้อโค๊ต (ยาวๆ หน่อยก็ดีนะเผื่อกันลมที่ขาด้วย เพราะไปเมืองไหนที่ลมแรง ๆ อุณภูมิไม่ต่ำมากแค่ประมาณ 8 °C แต่มีลมพัดด้วยเนี่ยหนาวสะท้านเลยหล่ะ)
****กรณีที่ไปสถานที่หนาวจัด ควรใส่เสื้อยืดพอดีตัวไว้ด้านในก่อนจะใส่เสื้อเชิ้ต หรือโปโลทับอีกทีหนึ่ง*****
- กางเกง......กางเกงก็ใช้ยีนส์นี่แหละ นอกจากไปสถานที่หิมะตก ลมแรง หรืออุณหภูมิต่ำกว่า 0 °C ควรจะเป็นผ้าร่มแบบ 2 ชั้นชนิดที่มีผ้าในจะอุ่นกว่า และกันลมได้ดี........
ในกรณีคณะทัวร์ลูกหมูของเรา....ตอนที่ไปสกีรีสอร์ทอุณภูมิประมาณ -12 องศา ในคณะมีเราใส่กางเกงผ้าร่มอยู่คนเดียว นอกนั้นใส่กางเกงยีนส์ ปรากฏว่าทุกคนออกไปถ่ายรูปได้ครู่เดียวต้องวิ่งเข้าในตัวอาคารกันหมด ยกเว้นผมที่อยู่นอกตัวอาคารได้นานที่สุด ***ถ้าใครกลัวหนาวก็มีลองจอนติดไปสักชุดก็ได้****
- ถุงมือ สำหรับประเทศญี่ปุ่นให้ไปซื้อที่ญี่ปุ่นดีกว่า ราคา 100 เยน กันหนาวได้ดีมาก เพราะที่เรานำไปจากประเทศไทยพอไปสถานที่หิมะตก มันช่วยอะไรไม่ได้เลย
เวลาซื้อคนขายบอกถุงมือชาร์มัวอย่างดีกันหิมะได้ ...หึ.หึ หลอกกันชัด ๆ คู่ละตั้ง 450 บาทแน่ะ
- ถุงเท้า ถ้าสถานที่ที่หนาวมาก ๆ ก็ใช้ถุงเท้าทำงานเรานี่แหล่ ใส่ 2 ชั้น เพื่อกันความอบอุ่นไม่ให้ออกจากตัวเรา กันได้ดีกว่าถุงเท้าหนา ๆ ชั้นเดียว ....เราลองดูแล้ว ดีจริงถึงได้บอกต่อ....5555
- หมวก และ ผ้าพันคอไหมพรม ผ้าพันคอกันไม่ให้ลม และความเย็นโดนบริเวณคอ บริเวณคอถ้าปะทะกับความเย็นนาน ๆ อาจทำให้เจ็บคอได้
- การเช่ารถยนต์ขับในต่างแดน คนที่จะสามารถเช่ารถยนต์ในต่างแดนได้นั้น "ต้อง" มีใบขับขี่สากล การท่องเที่ยวครั้งนี้ "โจ" อาสาที่จะทำใบขับขี่สากล
ขั้นตอนทำใบขับขี่สากลนั้นก็ต้องมีใบขับขี่ที่เป็นของประเทศไทยเองก่อน จากนั้นจึงนำหลักฐานใบขับขี่ สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
โดยไปขอทำใบชับขี่สากลที่ "กรมการขนส่ง" ใกล้ขนส่งสายใต้ หรือ ตลาดจตุจักร นั่นแหละ พร้อมกับ "ค่าทำเนียมในการทำใบขับขี่" อีก 500 บาท
จากนั้นเมื่อยื่นหลักฐานแล้ว ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เราก็ได้ใบขับขี่สากลแล้ว และนำไปใช้เพื่อขับรถในต่างแดนได้ สิ่งสำคัญ
**เราต้องศึกษากฏหมายจราจรของประเทศนั้น ๆ ด้วย และ อย่าทำผิดกฏหมายบ้านเมืองเขาใด ๆ จะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเราจะลำบาก**
-สนนราคาค่าเช่ารถขับท่องเที่ยว รถยนต์ที่เราเช่าครั้งนี้ราคา 6,500 บาท/วัน การให้รถยนต์กับผู้มาเช่านั้นเขาจะดูว่า มาเช่ากันกี่คน เช่น ถ้ามา 2 คน เขาจะให้รถสปอร์ต 2 ที่นั่งไปเลย
ถ้ามาเยอะในกลุ่มเดียวกันก็จะให้รถตู้ หรือ ใกล้เคียง หรือแล้วแต่คนเช่าต้องการ ในครั้งนี้เราได้เช่ารถยนต์ "โตโยต้า อัลพาร์ท" เป็นรถขนาดเครื่องยนต์ 2,400 ซีซี รถคันนี้มีระบบอัตโนมัติรอบคัน
ส่วนการเดินทางนั้นไม่ต้องกลัวหลงทางครับ เพราะรถยนต์มีระบบนำทางให้ หรือ GPS ขอเพียงตั้งจุดหมายให้ถูกเท่านั้น และภาษาที่ใช้ในเครื่องนั้นก็เป็นภาษาญี่ปุ่น
ฉะนั้น เราจึงต้องรบกวนให้พนักงาน "สาวสวย" ตั้งจุดหมายปลายทางให้เราครับ ระบบนำทางนั้นสัญญาณดีมาก
ถึงแม้ว่าจะวิ่งเข้าอุโมงค์ลอดเขาระยะทางยาวถึง 7 กม. สัญญาณนำทางก็ไม่มีหายครับ สมแล้วกับที่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว .........นับถือจริง ๆ ....
ข้อควรระวัง ในการเดินทางไปต่างประเทศแบบไปกันเอง (ไม่ได้ไปกับ "ทัวร์")
1. ตระเตรียมเบอร์โทรศัพท์และสถานที่ตั้งของ "สถานฑูตไทย" ของประเทศนั้น ๆ ไว้ด้วยเผื่อมีธุระต้องติดต่อจะได้ไม่เสียเวลาหา
2 เมื่ออยู่ในสถานที่นั้น ๆ ให้ตกลงกันก่อนว่า ถ้า "พลัดหลง" เราจะมายังจุดนัดพบใด
3. ถ้า "แยกย้ายกันเที่ยว" จะนัดพบกันที่จุดหมายเวลาใด
4. ก่อน "ขึ้น-ลง ยานพาหนะใด ๆ" ให้นับจำนวนคนก่อน "ต้อง" ให้ครบจึงเดินทางต่อ
5. ให้ "เด็ก ๆ" อยู่กลางแถว โดยให้ผู้ใหญ่นำ ขั้นกลาง และ ปิดท้ายอยู่ตลอด และนับจำนวนคนเรื่อย ๆ (ต้องครบ)
6. ถ้าใคร "หลง" ให้ "หยุด" อยู่ที่เดิมและที่สถานที่นั้น "อย่า" เดินไปเรื่อย ๆ จะได้ตามถูกที่
7.ถ้ามีคน "ขึ้น" รถไฟไปก่อน โดยที่ "ประตูรถไฟปิดก่อน" เพราะเพื่อน ๆ ยังไม่ขึ้น อาจจะเนื่องมาจากคนเยอะมาก จะทำอย่างไร นั่นคือให้ตกลงกันก่อน
แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องแล้ว อาจจะไปรอที่สถานนีที่จะลงได้เลย แต่ถ้าเป็นเด็กควรให้ลงสถานต่อไปเลย
และเมื่อลงแล้วไม่ต้องเดินไปไหน เราจะตามไป เพราะตู้รถไฟที่เราขึ้นจะไปจอด ณ.จุดเดียวกันของสถานีต่อไป เป็นต้น แล้วก็จะเจอกันเอง
8. ถ้าลงทุนก็ "ซื้อซิมโทรศัพท์" ที่ประเทศนั้น ๆ ไว้ใช้ (ที่เคยใช้ก็ไม่แพงนะ ถ้าคิดเป็นไทยแล้วประมาณ 200 บาท/ซิม)
จะได้ติดต่อกันได้เวลาไม่เจอกัน หรือ แจ้งเปิดเบอร์เราให้โทรที่ต่างประเทศได้ก็สะดวกแต่จะแพงเยอะ ซึ่งจะคุ้มถ้ามีคนหาย
9. จะไปไหนจากกลุ่มเรา ให้แจ้งกันไว้ด้วย
10. กรณีเราไปสอบถามกับคนพื้นที่จะไม่ค่อย "ระแวง" แต่..ถ้าเป็นคนนอกจากกลุ่มเรา "กรุณา" พิจารณาความช่วยเหลือด้วย กลัวเขาหลอกเรา
11. ถ้ามีการ "เคลื่อนย้ายข้ามฝาก" เช่น ขึ้นเรือ ไปยังที่อื่นให้ "เผื่อเวลา" ไว้ด้วย น้อยสุดก็ 10 นาที ต้องเข้าไปนั่งรอขึ้นพาหนะแล้ว (จะมีห้องรอก่อนขึ้นพาหนะนั้น ๆ ) เพราะเขามีเวลาในการสัญจร
จากที่ "กล่าว" มาข้างต้นนั้น เป็นการป้องกันไว้ครับ เพราะถ้ามีคนหายจริง ๆ แล้วตามกันไม่เจอจะทำให้เรา "ลำบาก" มาก
และถ้าถึงเวลากลับประเทศไทยแล้วจำนวนคนไม่ครบ เราจะเดือดร้อน "ค่าเครื่องบิน" อีก อย่าให้ขาดตกบกพร่อง แล้วคุณจะท่องเที่ยวแบบ "สนุกสนาน" ...ขอรับ ...
เชิญชม "ภาพนิ่ง" กันเลยครับ... ด้านล่างจะเป็น "ภาพเคลื่อนไหว"
กังหันปั่นไฟฟ้า จะหมุนตามทิศทางลม และคงความเร็วไว้เท่าเดิมโดยการปรับมุมที่ใบ เพื่อควบคุม "เฮิร์ท" หรือ "คลื่นความถี่" ให้คงที่
ต่อไปเชิญชม "ภาพเคลื่อนไหว" ได้ ขอ......รับ
ในรายละเอียดมีดังนี้ สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ เราได้วางโครงการล่วงหน้าแล้วประมาณ 2 ปี
เพื่อใช้ระยะเวลาในหยอดเงินลงกระปุกออมสิน เพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน และอื่น ๆ เนื่องจากไปกันทั้งครอบครัว รวมทั้งคุณพ่อ คุณแม่ เลยต้องใช้งบประมาณกันเยอะหน่อยละงานนี้...
แต่ก็เอาน่า...เพื่อเป็นโบนัสชีวิตให้กับตนเองและครอบครัว รวมทั้งคุณพ่อ คุณแม่ด้วย
สำหรับงบการท่องเที่ยวครั้งนี้คนละ 50,000 บาท/คน (รวมทุกอย่าง) ดังนั้น จึงมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ 320,000 บาท
การเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก
- วันที่ 15 ตุลาคม 2551 เดินทางจากจังหวัดระยองไปทำ passport ที่เซ็นทรัลบางนา โดยใช้บัตรประชาชนตัวจริง ประกอบคำร้องขอทำ passport
- ต้นเดือนธันวาคมจองตั๋วเครื่องบิน ได้ตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นของการบินไทย 19,900 บาท และแจ้งออกตั๋วเครื่องบินพร้อมจ่ายเงิน หลังจากที่ขอวีซ่าผ่านแล้ว
- วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 ยื่นคำร้องขอวีซ่าที่สถานทูตญี่ปุ่น และรับวีซ่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552 ** ในการขอวีซ่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 60 ปี ไม่ต้องเดินทางไปเอง
คนอื่นสามารถยื่นขอแทนได้ **** เอกสารประกอบคำร้องขอ และขั้นตอนการขอวีซ่าท่านสามารถเข้าไปดูได้ตามนี้เลย ****
http://www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visa1.htm
**ถ้าไปเป็นกลุ่มให้ยื่นคำร้องพร้อมกันทีเดียวเลย ในกรณีของเรา เราดำเนินการยื่นคำร้องให้พ่อแม่ และลูกด้วย
เอกสารประกอบก็แนบเป็นรายบุคคลตามที่สถานทูตกำหนดได้ ยกเว้นทะเบียนบ้านตัวจริง ใบรับรองการทำงาน และ Statement ใช้ฉบับเดียวกัน สำหรับพ่อแม่ผมและภรรยาออกหนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประกอบด้วย
สำหรับคนที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไปไม่ต้องใช้ Statement แต่ถ้าเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่ายให้บุคคลอื่นต้องใช้ด้วย (กันพลาด)
สำหรับผมใช้ Statement ของภรรยาแนบประกอบ.....อิ อิ เพราะในบัญชีของ
ข้าพเจ้ามีเงินอยู่น้อยนิด แบบว่าฝากให้เจ้าหน้าที่ธนาคารส่วนตัวเป็นผู้บริหารจัดการหมดเลย อิ อิ**
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่เป็นอะไรที่จัดการยากมาก เพราะเห็นอะไร ๆ มันก็น่าซื้อไปซะหมด จึงทำให้ "เงินสด" ที่มีอยู่ในมือมีไม่ค่อยมากนัก
- หลังจากที่วีซ่าผ่านก็จองบ้านพัก - ก่อนเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ได้จัดเตรียมกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งอุปกรณ์ที่ต้องใช้
การเตรียมเสื้อผ้า สำหรับเที่ยวเมืองหนาวนั้นไม่ต้องเตรียมเยอะให้หนักกระเป๋า ชุดหนึ่งใช่ซ้ำได้หลายวัน เพราะอากาศเย็นเดินเที่ยวทั้งวันยังไม่มีเหงื่อเลย
เสื้อผ้าก็ไม่เลอะเพราะไม่มีฝุ่น..... ผมนะใส่เสื้อผ้าข้างในซ้ำกันตั้ง 3-4 วันแน่ะ.... ถ้าคนไหนชอบแฟชั่นหน่อย ก็เปลี่ยนเฉพาะเสื้อโค๊ตตัวนอก ก็พอแล้ว......ส่วนผมตัวเดิมเลย 11 วัน.....555555...
อุปกรณ์กันหนาว
- เสื้อสำหรับใส่ด้านใน สเวสเตอร์ และเสื้อโค๊ต (ยาวๆ หน่อยก็ดีนะเผื่อกันลมที่ขาด้วย เพราะไปเมืองไหนที่ลมแรง ๆ อุณภูมิไม่ต่ำมากแค่ประมาณ 8 °C แต่มีลมพัดด้วยเนี่ยหนาวสะท้านเลยหล่ะ)
****กรณีที่ไปสถานที่หนาวจัด ควรใส่เสื้อยืดพอดีตัวไว้ด้านในก่อนจะใส่เสื้อเชิ้ต หรือโปโลทับอีกทีหนึ่ง*****
- กางเกง......กางเกงก็ใช้ยีนส์นี่แหละ นอกจากไปสถานที่หิมะตก ลมแรง หรืออุณหภูมิต่ำกว่า 0 °C ควรจะเป็นผ้าร่มแบบ 2 ชั้นชนิดที่มีผ้าในจะอุ่นกว่า และกันลมได้ดี........
ในกรณีคณะทัวร์ลูกหมูของเรา....ตอนที่ไปสกีรีสอร์ทอุณภูมิประมาณ -12 องศา ในคณะมีเราใส่กางเกงผ้าร่มอยู่คนเดียว นอกนั้นใส่กางเกงยีนส์ ปรากฏว่าทุกคนออกไปถ่ายรูปได้ครู่เดียวต้องวิ่งเข้าในตัวอาคารกันหมด ยกเว้นผมที่อยู่นอกตัวอาคารได้นานที่สุด ***ถ้าใครกลัวหนาวก็มีลองจอนติดไปสักชุดก็ได้****
- ถุงมือ สำหรับประเทศญี่ปุ่นให้ไปซื้อที่ญี่ปุ่นดีกว่า ราคา 100 เยน กันหนาวได้ดีมาก เพราะที่เรานำไปจากประเทศไทยพอไปสถานที่หิมะตก มันช่วยอะไรไม่ได้เลย
เวลาซื้อคนขายบอกถุงมือชาร์มัวอย่างดีกันหิมะได้ ...หึ.หึ หลอกกันชัด ๆ คู่ละตั้ง 450 บาทแน่ะ
- ถุงเท้า ถ้าสถานที่ที่หนาวมาก ๆ ก็ใช้ถุงเท้าทำงานเรานี่แหล่ ใส่ 2 ชั้น เพื่อกันความอบอุ่นไม่ให้ออกจากตัวเรา กันได้ดีกว่าถุงเท้าหนา ๆ ชั้นเดียว ....เราลองดูแล้ว ดีจริงถึงได้บอกต่อ....5555
- หมวก และ ผ้าพันคอไหมพรม ผ้าพันคอกันไม่ให้ลม และความเย็นโดนบริเวณคอ บริเวณคอถ้าปะทะกับความเย็นนาน ๆ อาจทำให้เจ็บคอได้
- การเช่ารถยนต์ขับในต่างแดน คนที่จะสามารถเช่ารถยนต์ในต่างแดนได้นั้น "ต้อง" มีใบขับขี่สากล การท่องเที่ยวครั้งนี้ "โจ" อาสาที่จะทำใบขับขี่สากล
ขั้นตอนทำใบขับขี่สากลนั้นก็ต้องมีใบขับขี่ที่เป็นของประเทศไทยเองก่อน จากนั้นจึงนำหลักฐานใบขับขี่ สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน และรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
โดยไปขอทำใบชับขี่สากลที่ "กรมการขนส่ง" ใกล้ขนส่งสายใต้ หรือ ตลาดจตุจักร นั่นแหละ พร้อมกับ "ค่าทำเนียมในการทำใบขับขี่" อีก 500 บาท
จากนั้นเมื่อยื่นหลักฐานแล้ว ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เราก็ได้ใบขับขี่สากลแล้ว และนำไปใช้เพื่อขับรถในต่างแดนได้ สิ่งสำคัญ
**เราต้องศึกษากฏหมายจราจรของประเทศนั้น ๆ ด้วย และ อย่าทำผิดกฏหมายบ้านเมืองเขาใด ๆ จะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นเราจะลำบาก**
-สนนราคาค่าเช่ารถขับท่องเที่ยว รถยนต์ที่เราเช่าครั้งนี้ราคา 6,500 บาท/วัน การให้รถยนต์กับผู้มาเช่านั้นเขาจะดูว่า มาเช่ากันกี่คน เช่น ถ้ามา 2 คน เขาจะให้รถสปอร์ต 2 ที่นั่งไปเลย
ถ้ามาเยอะในกลุ่มเดียวกันก็จะให้รถตู้ หรือ ใกล้เคียง หรือแล้วแต่คนเช่าต้องการ ในครั้งนี้เราได้เช่ารถยนต์ "โตโยต้า อัลพาร์ท" เป็นรถขนาดเครื่องยนต์ 2,400 ซีซี รถคันนี้มีระบบอัตโนมัติรอบคัน
ส่วนการเดินทางนั้นไม่ต้องกลัวหลงทางครับ เพราะรถยนต์มีระบบนำทางให้ หรือ GPS ขอเพียงตั้งจุดหมายให้ถูกเท่านั้น และภาษาที่ใช้ในเครื่องนั้นก็เป็นภาษาญี่ปุ่น
ฉะนั้น เราจึงต้องรบกวนให้พนักงาน "สาวสวย" ตั้งจุดหมายปลายทางให้เราครับ ระบบนำทางนั้นสัญญาณดีมาก
ถึงแม้ว่าจะวิ่งเข้าอุโมงค์ลอดเขาระยะทางยาวถึง 7 กม. สัญญาณนำทางก็ไม่มีหายครับ สมแล้วกับที่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว .........นับถือจริง ๆ ....
ข้อควรระวัง ในการเดินทางไปต่างประเทศแบบไปกันเอง (ไม่ได้ไปกับ "ทัวร์")
1. ตระเตรียมเบอร์โทรศัพท์และสถานที่ตั้งของ "สถานฑูตไทย" ของประเทศนั้น ๆ ไว้ด้วยเผื่อมีธุระต้องติดต่อจะได้ไม่เสียเวลาหา
2 เมื่ออยู่ในสถานที่นั้น ๆ ให้ตกลงกันก่อนว่า ถ้า "พลัดหลง" เราจะมายังจุดนัดพบใด
3. ถ้า "แยกย้ายกันเที่ยว" จะนัดพบกันที่จุดหมายเวลาใด
4. ก่อน "ขึ้น-ลง ยานพาหนะใด ๆ" ให้นับจำนวนคนก่อน "ต้อง" ให้ครบจึงเดินทางต่อ
5. ให้ "เด็ก ๆ" อยู่กลางแถว โดยให้ผู้ใหญ่นำ ขั้นกลาง และ ปิดท้ายอยู่ตลอด และนับจำนวนคนเรื่อย ๆ (ต้องครบ)
6. ถ้าใคร "หลง" ให้ "หยุด" อยู่ที่เดิมและที่สถานที่นั้น "อย่า" เดินไปเรื่อย ๆ จะได้ตามถูกที่
7.ถ้ามีคน "ขึ้น" รถไฟไปก่อน โดยที่ "ประตูรถไฟปิดก่อน" เพราะเพื่อน ๆ ยังไม่ขึ้น อาจจะเนื่องมาจากคนเยอะมาก จะทำอย่างไร นั่นคือให้ตกลงกันก่อน
แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องแล้ว อาจจะไปรอที่สถานนีที่จะลงได้เลย แต่ถ้าเป็นเด็กควรให้ลงสถานต่อไปเลย
และเมื่อลงแล้วไม่ต้องเดินไปไหน เราจะตามไป เพราะตู้รถไฟที่เราขึ้นจะไปจอด ณ.จุดเดียวกันของสถานีต่อไป เป็นต้น แล้วก็จะเจอกันเอง
8. ถ้าลงทุนก็ "ซื้อซิมโทรศัพท์" ที่ประเทศนั้น ๆ ไว้ใช้ (ที่เคยใช้ก็ไม่แพงนะ ถ้าคิดเป็นไทยแล้วประมาณ 200 บาท/ซิม)
จะได้ติดต่อกันได้เวลาไม่เจอกัน หรือ แจ้งเปิดเบอร์เราให้โทรที่ต่างประเทศได้ก็สะดวกแต่จะแพงเยอะ ซึ่งจะคุ้มถ้ามีคนหาย
9. จะไปไหนจากกลุ่มเรา ให้แจ้งกันไว้ด้วย
10. กรณีเราไปสอบถามกับคนพื้นที่จะไม่ค่อย "ระแวง" แต่..ถ้าเป็นคนนอกจากกลุ่มเรา "กรุณา" พิจารณาความช่วยเหลือด้วย กลัวเขาหลอกเรา
11. ถ้ามีการ "เคลื่อนย้ายข้ามฝาก" เช่น ขึ้นเรือ ไปยังที่อื่นให้ "เผื่อเวลา" ไว้ด้วย น้อยสุดก็ 10 นาที ต้องเข้าไปนั่งรอขึ้นพาหนะแล้ว (จะมีห้องรอก่อนขึ้นพาหนะนั้น ๆ ) เพราะเขามีเวลาในการสัญจร
จากที่ "กล่าว" มาข้างต้นนั้น เป็นการป้องกันไว้ครับ เพราะถ้ามีคนหายจริง ๆ แล้วตามกันไม่เจอจะทำให้เรา "ลำบาก" มาก
และถ้าถึงเวลากลับประเทศไทยแล้วจำนวนคนไม่ครบ เราจะเดือดร้อน "ค่าเครื่องบิน" อีก อย่าให้ขาดตกบกพร่อง แล้วคุณจะท่องเที่ยวแบบ "สนุกสนาน" ...ขอรับ ...
เชิญชม "ภาพนิ่ง" กันเลยครับ... ด้านล่างจะเป็น "ภาพเคลื่อนไหว"
กังหันปั่นไฟฟ้า จะหมุนตามทิศทางลม และคงความเร็วไว้เท่าเดิมโดยการปรับมุมที่ใบ เพื่อควบคุม "เฮิร์ท" หรือ "คลื่นความถี่" ให้คงที่
ต่อไปเชิญชม "ภาพเคลื่อนไหว" ได้ ขอ......รับ
ขอร่วมติดตามผลงานด้วยคนครับ แบบว่าเชียร์พี่ตัวเอง ฮิ ฮิ
ตอบลบโห น่าอิจฉาจัง
ตอบลบ... kO_oK